หัวหน้าคณะเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) หารือวางกรอบการเจรจา FTA กำหนดเจรจาปีละ 3 รอบ ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ อียูเริ่มก่อน ก.ย.นี้ จากนั้นไทย ต้นปี 67 พร้อมตั้งคณะเจรจากลุ่มย่อย 19 กลุ่ม เดินหน้าในแต่ละเรื่อง ตั้งเป้าสรุปผลภายในปี 68
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา FTA ฝ่ายไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมาได้พบหารือกับนายคริสตอฟ คีแนร์ ผู้อำนวยการสำนักภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ของคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเตรียมการประชุมเจรจา FTA ไทย-อียู รอบแรก ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน ก.ย. 2566 ที่กรุงบรัสเซลส์ และวางแนวทางการเจรจา FTA โดยกำหนดให้มีการประชุม FTA ปีละ 3 รอบ จะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และหากมีความจำเป็นสามารถเพิ่มรอบการเจรจาหรือจัดหารือระหว่างรอบได้
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะเจรจากลุ่มย่อย 19 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. การค้าสินค้า 2. กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 3. พิธีการด้านศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4. มาตรการเยียวยาทางการค้า 5. อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 6. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 7. การค้าบริการและการลงทุน 8. การค้าดิจิทัล 9. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 10. ทรัพย์สินทางปัญญา 11. การแข่งขัน 12. รัฐวิสาหกิจ 13. SMEs 14. พลังงานและวัตถุดิบ 15. การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 16. ระบบอาหารที่ยั่งยืน 17. ความโปร่งใส และหลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ 18. กลไกระงับข้อพิพาท และ 19. อารัมภบท ข้อบททั่วไป ข้อบทสุดท้าย ข้อบทเชิงสถาบัน และข้อยกเว้น
สำหรับกรอบการเจรจา อียูจะเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบแรกในเดือน ก.ย. 2566 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ส่วนไทยจะเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบที่ 2 ในเดือน ม.ค. 2567 ที่กรุงเทพฯ และอียูจะเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบที่ 3 ในเดือน มิ.ย. 2567 ณ กรุงบรัสเซลส์
ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับนายวัลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า เมื่อเดือน มี.ค. 2566 เพื่อประกาศเริ่มการเจรจา FTA ไทย-อียู และได้ตั้งเป้าสรุปผลให้ได้ภายในปี 2568
ในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทย-อียูมีมูลค่า 17,598.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 9,392.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียูมูลค่า 8,205.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ