บริษัทตั้งใหม่ พ.ค. 66 จำนวน 7,437 ราย เพิ่ม 26% ทุนจดทะเบียน 28,414.47 ล้านบาท เผยตั้งใหม่ 3 อันดับแรก อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ร้านอาหาร ส่วนยอดเลิก 1,234 ราย เพิ่ม 12% รวม 5 เดือน 39,660 ราย เพิ่ม 17.90% ระบุหากดูเฉพาะเดือน พ.ค. เป็นตัวเลขตั้งใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปี ชี้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยังโตแรง ทั้งแลกเปลี่ยนเงินตรา ตัวแทนเดินทาง นำเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือน พ.ค. 2566 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศจำนวน 7,437 ราย เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. 2566 และเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับพ.ค. 2565 มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 28,414.47 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองลงมาคือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,234 ราย เทียบกับเม.ย. 2566 เพิ่ม 32% เทียบกับ พ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 12% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 8,239.90 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
ปัจจุบันมีธุรกิจดําเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 พ.ค. 2566 จำนวน 876,953 มูลค่าทุน 21.30 ล้านล้านบาท จําแนกเป็นบริษัทจํากัด จํานวน 672,424 ราย คิดเป็น 76.68% ห้างหุ้นส่วนจํากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จํานวน 203,124 ราย คิดเป็น 23.16% และบริษัทมหาชนจํากัด จํานวน 1,405 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลําดับ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า หากดูเฉพาะเดือน พ.ค. 2566 ยอดการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ที่มีจำนวน 7,437 ราย ถือเป็นตัวเลขตั้งใหม่ที่สูงสุดในรอบ 10 ปี หากนับเฉพาะเดือน พ.ค. เริ่มตั้งแต่ปี 2557-2566 และที่ผ่านมา ตัวเลขเฉพาะเดือน ตั้งแต่ ม.ค. ก.พ. มี.ค. และ เม.ย. ก็ทำยอดตั้งใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปีมาแล้วทุกเดือน รวมเป็น 5 เดือนติดต่อกัน ส่วนยอดรวมจัดตั้งธุรกิจใหม่ 5 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ค.) มีจำนวน 39,660 ราย เพิ่มขึ้น 17.90% ก็เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปีเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หากเจาะลึกเป็นรายธุรกิจ พบว่า ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยังคงมาแรง โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2566 มีสัดส่วนการจัดตั้งใหม่คิดเป็น 8.10% ของธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ทั้งหมด และมีอัตราการจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้นถึง 96.63% โดยเฉพาะธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 389% รองลงมาคือ ธุรกิจตัวแทนการเดินทาง เพิ่ม 281% ธุรกิจจัดนำเที่ยว เพิ่ม 225% ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร เพิ่ม 67.18% และธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และห้องชุด เพิ่ม 49.14% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 42,000-45,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 75,000-78,000 ราย