xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์” ปูพรม Ecosystem แบรนด์หรูจ่อคิวพารากอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด – เปิดแนวทาง “สยามพิวรรธน์” เดินหน้าสร้างEcosystem ด้วยกลยุทธ์ “Co-create & Collaboration to Win” ผนึกพันธมิตรสร้างโอกาสธุรกิจ business model เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เผยสยามพารากอน ปรับพื้นที่ต้อนรับ ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ ที่จ่อเข้าคิวเปิดช้อปอีกเพียบ


นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดค้าปลีกของไทยอยู่ในทิศทางที่เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันสถานการณ์ของโควิด-19เริ่มที่จะลดน้อยลงตามลำดับ ส่งผลให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีมากขึ้นตามไปด้วย

*** พารากอนปรับพื้นที่รับลักส์ชัวรี่แบรนด์
ทั้งนี้ จากแนวโน้มของสถานการณ์ที่ไปในทางบวกนี้เอง ศูนย์การค้าสยามพารากอนอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ใหม่บางส่วนโดยเฉพาะชั้นM และจะขยายเพิ่มในชั้น 1 เพื่อรองรับร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมระดับลักซ์ชัวรี่ จำนวนมากที่มีร้านจำนวนมากหลายแบรนด์ ไม่ต่ำกว่า 20 แบรนด์ระดับโลก(Waiting List) คาดว่าภายในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด

ที่ผ่านมา ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก และต่อเนื่องมาถึงขณะนี้ พบว่าสินค้าแบรนด์เนมลักส์ชัวรี่ในสยามพารากอนมียอดขายที่ดีเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากช่องทางออนไลน์ในช่วงระบาดหนัก กับช่องทางออฟไลน์หลังจากที่มาตรการต่างๆหมดลงไปมากแล้ว ซึ่งพบว่ายอดขายลักส์ชัวรี่แบรนด์โดยเฉลี่ยแล้วเติบโตมากถึง 50% ที่สำคัญมีหลายแบรนด์ที่เปิดช้อปในไทยทำยอดขายรวมติดท็อปเท็นของโลกในแง่ยอดขายไม่ต่ำกว่า5 แบรนด์ใหญ่ ขณะที่ลูกค้าหลักที่่ช้อปปิ้งนั้นคือกลุ่มคนไทยมากกว่าต่างชาติ แต่กลุ่มลูกค้าต่างชาติก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บรรยากาศการช้อปปิ้งคึกคักด้วยเช่นกัน

“ตลาดลักส์ชัวรี่แบรนด์ในไทยเปลี่ยนไปมาก แม้ว่าปัจจุบันยังมีเรื่องของภาษีนำเข้าที่ยังสูงอยู่เหมือนเดิมมาตลอด แต่ว่าดีมานด์ความต้องการในไทยยังมีอยู่สูง ยอดขายแต่ละแบรนด์ทำได้สูง ทำให้แบรนด์เหล่านั้นให้ความสำคัญในไทยมีการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น มีสินค้าแบบพิเศษ หรือรุ่นจำกัด ก็มากขึ้นด้วย เพราะตัวเลขยอดขายที่เราทำได้ดี ทางบริษัทแม่แบรนด์เหล่านั้นก็ส่งของเข้ามามากตามไปด้วย” นางมยุรี กล่าว


ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ สยามพิวรรธน์ เคยให้ข้อมูลไว้ว่า สยามพารากอนประสบความสำเร็จมากในปี 2565 สร้างรายได้ เติบโตมากกว่า 50% จากปี 2564 และสูงกว่าปี 2562 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีไม่มากเทียบเท่าก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์ทำยอดขายและเติบโตที่สูงตลอดเวลา 3 ปี แบรนด์หรูมุ่งหน้าตลาดเมืองไทยเป็นเวทีสำคัญในการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ หรือคอลเลกชันใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการขยายพื้นที่และขยายสาขามากขึ้น

จึงทำให้าสยามพารากอนต้องลงทุนปรับโฉมใหม่อีกครั้ง เพื่อรองรับลักซ์ชัวรีแบรนด์และแบรนด์ใหม่ๆ อีกนับร้อยแบรนด์ที่อยู่ในรายชื่อ Waiting List โดยหลายแบรนด์จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและมีแบรนด์ที่ Exclusive เฉพาะที่สยามพารากอนเท่านั้น อีกด้วย

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยหลังจากที่มีการเปิดประเทศอยางเต็มระบบนั้น ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุไว้ว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-เมษายน) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จำนวนสะสม 8,596,452 คน สร้างรายได้แล้วมากกว่า 353,331 ล้านบาท ตัวเลขเฉพาะเดือนเมษายน 2566 พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จำนวนสะสมกว่า 2,130,715 คน

ส่วน 10 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยสูงสุดในเดือนเมษายนนีคือ 1. มาเลเซีย จำนวน 367,530 คน, 2. จีน จำนวน 328,375 คน, 3. อินเดีย จำนวน 131,230 คน, 4. รัสเซีย จำนวน 115,743 คน, 5. เกาหลีใต้ จำนวน 95,229 คน, 6. เวียดนาม จำนวน 84,221 คน, 7. สหรัฐอเมริกา จำนวน 70,977 คน, 8. สหราชอาณาจักร จำนวน 70,089 คน, 9. ลาว จำนวน 68,204 คน และ 10. ฮ่องกง จำนวน 67,771 คน


*** เปิดกลยุทธ์สร้าง Ecosystem
นางมยุรี ยังได้กล่าวถึงกลยุทธ์ของสยามพิวรรธน์ ในการสร้าง Ecosystem ด้วยว่า สยามพิวรรธน์ ยึดมั่นในกลยุทธ์ Co-create & Collaboration to Win การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเพื่อการสร้างโอกาสธุรกิจหรือสร้าง business model ของการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Rise Above the Ocean โดยพลังแห่งการผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วโลกนี้ ส่งผลให้สยามพิวรรธน์ได้สร้างปรากฏการณ์ นำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ก่อนใครมาโดยตลอดทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน และครองความเป็นผู้นำในการปฏิวัติวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอยู่เสมอ

ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจไม่จำเป็นต้องวางกรอบอยู่ในอุตสาหกรรมแบบเดิมอีกต่อไป สยามพิวรรธน์มีความเชื่อมั่นในศักยภาพไร้ขีดจำกัดของอีโค่ซิสเต็มที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม จะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสการขยายธุรกิจอย่างไร้พรมแดน สามารถสร้างธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นำจุดแข็งของแต่ละองค์กรมาช่วยเติมเต็มศักยภาพให้กับธุรกิจเติบโตและก้าวไปไกลกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว ส่งผลนำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ

“ตัวอย่างเช่นSpeed to Market การเพิ่มสปีดทางการตลาด สามารถรับมือและตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Additional Revenue สร้างรายได้เพิ่มขึ้น นำไปสู่แนวทางการสร้างรายได้ใหม่ สมประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน Incremental Traffic and Expand Customer Base การผนึกกำลังกับพันธมิตรที่หลากหลาย มาพร้อมกับฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่กว้างขึ้น และส่งผลต่อจำนวน traffic ของทุกศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น” นางมยุรี กล่าว


กลยุทธ์ Co-create & Collaboration to Win มี 2 แนวทางหลัก คือ 1. Collaboration to strengthen core business in all platforms and strengthen competitive edge การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจหลักในทุกแพลตฟอร์ม และเสริมจุดแข็ง เพื่อสนับสนุนศักยภาพการแข่งขันบนเวทีโลก และ 2. Collaboration to create new growth & new revenue additional revenue การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ และมีช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจ จับมือร่วมสร้างผลความสำเร็จและปฏิวัติวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก อาทิ การเปิดตัวแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp เมื่อปลายปี 2564 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจ รวมกว่า 13 อุตสาหกรรมมากกว่า 50 องค์กร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอ แอปพลิเคชั่น ONESIAM นับเป็น growth engine ที่สำคัญของสยามพิวรรธน์ในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าแบบ O2O และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและเป็นเครื่องมือหลักในการให้บริการและดูแลกลุ่มลูกค้าสมาชิก VIZ อีกด้วย

การเปิดพื้นที่ True 5G PRO HUB ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นการร่วมผนึกกำลังระหว่าง 3 ผู้นำธุรกิจจากต่างอุตสาหกรรม ได้แก่ สยามพิวรรธน์ True และ กันตนากรุ๊ป ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ True 5G PRO HUB ให้เป็นศูนย์รวมครบวงจรของคอมมูนิตี้ E-Sport สำหรับคน New Gen ที่จะตอบโจทย์ 3 ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ Gamer & E-Sports, Gen Z Lifestyle และ Future Skills


สยามพิวรรธน์ได้ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยจับมือ TAGTHAi แพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยวไทย นำเสนอจุดขายที่แตกต่างและประสบการณ์ใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยว High Quality Tourists เปิดตัว ONESIAM Pass ตอบรับการขยายการท่องเที่ยวสู่ตลาด Lifestyle Travel นอกจากนี้ ความร่วมมือกับพันธมิตรยังรวมถึงการผนึกกำลังกับคอมมูนิตี้หรือองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ร่วมกัน

ล่าสุด สยามพิวรรธน์ ผนักกำลัง องค์กรบางกอกนฤมิตไพรด์ และ กรุงเทพมหานคร จัดงาน Bangkok Pride 2023 พาเหรดยิ่งใหญ่ตระการตาของชาว LGBTQ+ เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมจัดงานระดับโลก World Pride 2028 ของกรุงเทพมหานคร โดยงานประสบความสำเร็จมีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 25,000 คน


*** โปรเจ็คต์เด็ดกับพันธมิตร

ในปี2566นี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการขยายอีโค่ซิสเต็มอย่างต่อเนื่อง ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งระดับโลก โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่

1. นิทรรศการผลงานศิลปินระดับโลก Van Gogh Alive Bangkok จัดแสดงในรูปแบบ Immersive Multi-Sensory Experience ณ ไอคอนสยาม ได้ผนึกกำลังกับ Live Impact Events ร่วมกับ Grand Experiences และ Sensory 4 ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอิมเมอร์ซีฟและเทคโนโลยีด้านภาพ แสง สี เสียงเบอร์ต้นๆ ของโลก นำนิทรรศการระดับโลก ซึ่งเคยจัดแสดงมาแล้วมากกว่า 80 เมืองทั่วโลก เช่น ปักกิ่ง เบอร์ลิน เดนเวอร์ ลอนดอน มาดริด มอสโคว โรม ซิดนีย์ ฯลฯ มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดูงานศิลปะผ่านเทคโนโลยีแสง สี เสียงที่ทันสมัย บวกกับการออกแบบพื้นที่ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของศิลปะจริงๆ โดยเปิดให้ชมตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. 2566 จากนั้นจะมีนิทรรศการของศิลปินระดับโลกอื่นๆ หมุนเวียนมาจัดแสดงอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความสำเร็จทั้งในด้านการสร้างรายได้ และการสร้างทราฟฟิค โดยได้รับความนิยมจากทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวจำนวนล้นหลาม

2. ล่าสุด สยามพิวรรธน์ ผสานศักยภาพ INNOCEAN (อินโนเชียน) บริษัทชั้นนำระดับโลกในเครือ ฮุนไดมอเตอร์กรุ๊ป เปิดประตูสู่โอกาสการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนการจัดการองค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์การดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายเน็ตเวิร์คทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วโลก รวมทั้งการศึกษาข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อค้นหาแนวทางการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างปรากฏการณ์และมอบประสบการณ์แปลกใหม่ในธุรกิจรีเทลที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งในประเทศไทย, เกาหลีใต้ และนานาประเทศทั่วโลก


โดยประเดิมความร่วมมือทางธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวไลฟ์สไตล์ป๊อบอัพช็อป สุดฮอต ครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมกัน 2 โปรเจค ได้แก่ “Boggle Boggle K-Ramyun Pop-up Shop” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับพื้นที่แห่งประสบการณ์กับราเมนเกาหลีสุดฮอตจากเกาหลีใต้ ที่ไม่ได้นำเสนอเพียงวัฒนธรรมการรับประทานอาหารระดับตำนาน แต่ยังมอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้สนุกไปกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์สุดฮอตของชาวเกาหลีในแบบออริจินัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจนเนอเรชั่น Z เปิดบริการบนชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 31 กรกฏาคม 2566

นอกจากนี้ ยังมี “BTS Pop-Up : Space of BTS” ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนคลับและผู้ชื่นชอบ K-Culture เป็นจำนวนมาก ระหว่างวันที่ 10 มิ.ย. – 31 ก.ค. 2566 ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และ INNOCEAN ยังมีต่อเนื่องต่อไป และเตรียมนำเสนอความแปลกใหม่ ปรากฏการณ์ใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

3. ในธุรกิจ MICE หรือศูนย์การประชุมและการแสดงระดับโลกภายใต้กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้แก่ รอยัล พารากอน ฮออล์ บนชั้น 5 สยามพารากอน และ ทรูไอคอนฮออล์ บนชั้น 7 ไอคอนสยาม ล่าสุด!! รอยัล พารากอน ฮอลล์ ได้ร่วมจับมือ บริษัท แม็กซ์อิมเมจ จำกัด สร้างสรรค์สุดยอดคอนเสิร์ตของปรมาจารย์ด้านการแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์มือทองแห่งยุคในงาน THONBURI PHANICH GROUP PROUNDLY PRESENTS HITMAN DAVID FOSTER AND FRIENDS BANGKOK 2023 โดยได้เชิญ เดวิด ฟอสเตอร์ ปรมาจารย์ด้านดนตรีระดับโลกที่เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง และเบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินระดับโลก มาแสดงคอนเสิร์ตร่วมกับศิลปินเสียงคุณภาพที่มีรางวัลการันตีจากเวทีต่างๆ มารวมกันในงานมากมาย พิเศษที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน คือ การเชิญศิลปินไทยรุ่นใหม่ บิวกิ้น - พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ร่วมแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกเป็นครั้งแรก ในวันที่ 5 ส.ค. 2566

4. เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าคนสำคัญ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีเครือข่าวทั่วโลก ได้แก่ สายการบินชั้นนำต่างๆ อาทิ Emirates Airline , Cathay Pacific , การบินไทย เป็นต้น โดยได้ร่วมมือสร้างสรรค์แคมเปญอย่างต่อเนื่อง อาทิ การรังสรรค์ประสบการณ์การเดินทางระดับ World Class สำหรับสมาชิกระดับท็อปสเปนเดอร์, ร่วมนำเสนอแพคเกจบัตรโดยสารโดยมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิก VIZ ในโอกาสต่างๆ ตลอดจนการใช้พื้นที่จัดกิจกรรมจำหน่ายตั๋วโดยสารในราคาพิเศษ เป็นต้น


5. สยามพิวรรธน์ ได้ร่วมกับ Travel Tech หรือ บริษัท ทราเวล เทคโนโลยีเซอร์วิส จำกัด ผู้นำในธุรกิจการเดินทางระดับพรีเมี่ยมซึ่งมีผู้บริหารและทีมงานระดับคุณภาพที่พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก โดยได้นำความรู้ ความชำนาญ และการบริการเหนือระดับสำหรับลูกค้าคนสำคัญของศูนย์การค้าต่างๆ ในเครือสยามพิวรรธน์

ที่ผ่านมา Travel Tech ได้ร่วมให้การร่วมสร้างประสบการณ์สุดพิเศษประทับใจ เป็นความทรงจำที่ดีเยี่ยมในหลากหลายทริป สำหรับในปีนี้ คือ การเดินทางท่องเที่ยวสำหรับลูกค้าท็อปสเปนเดอร์ ที่ประเทศนิวซีเลนด์ ประเทศอิตาลี และประเทศกรีซ ซึ่งเป็นเคล็ดลับความสำเร็จประการหนึ่งของทีม Customer Relationship Management ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์

แน่นอนว่า ยังมีอีกหลายโครงการที่ตามมาหลังจากนี้อีกมากมายตามกลยุทธ์ ของการทำ Collaboration to strengthen core business in all platforms and strengthen competitive edge การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจหลักในทุกแพลตฟอร์ม และเสริมจุดแข็ง เพื่อสนับสนุนศักยภาพการแข่งขันบนเวทีโลก และ การทำ Collaboration to create new growth & new revenue additional revenue การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ และมีช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

นับจากนี้ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะพลังของการผสานศักยภาพของผู้นำธุรกิจอย่างกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ที่มุ่งมั่นในการขยายอีโค่ซิสเตม เร่งผนึกกำลัง Co-create & Collaboration กับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกอีกมากมาย เป็นการผสานศักยภาพที่สร้างพลังไร้ขีดจำกัด ที่จะสร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่และส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความสำเร็จของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้พัฒนาโกลบอล เดสติเนชั่น ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก








กำลังโหลดความคิดเห็น