ปตท.สผ.เร่งเพิ่มกำลังผลิตปิโตรเลียมในแหล่งอาทิตย์เพื่อชดเชยปิโตรเลียมที่หายไปจากแหล่งเบญจมาศที่ปิดซ่อมบำรุง จ่อทบทวนเป้าหมายการขายปิโตรเลียมใหม่หลังพ้นไตรมาส 2 นี้ ด้านเชฟรอนฯ มั่นใจ ก.ย.นี้แหล่งเบญจมาศจะกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.สผ.อยู่ระหว่างการเร่งรัดการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมในแหล่งอาทิตย์ให้สูงขึ้น จากเดือนเมษายน 2566 มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 385.96 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เพื่อชดเชยกำลังการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งเบญจมาศที่หายไปจากการปิดซ่อมบำรุง พร้อมทั้งเตรียมทบทวนแผนงานและเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมใหม่หลังพ้นไตรมาส 2/2566 ไปแล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้ ปตท.สผ.ได้ปรับลดปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 2566 มาอยู่ที่ 456,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน หรือลดลง 3% จากเดิมที่เคยตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมไว้ที่ 470,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงแหล่งเบญจมาศ (B8/32) ในไทยจากกรณีอุบัติเหตุเรือ FSO เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และการปิดซ่อมบำรุงโครงการ Sabah K ในมาเลเซีย เป็นเวลา 2 เดือน รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านระบบจากสัญญาสัมปทานมาเป็นระบบการแบ่งปันผลผลิต (PSC) ในโครงการ G2/61 หรือแหล่งบงกช ทำให้ปริมาณการขายที่จะรายงานได้ต้องสุทธิจากส่วนแบ่งผลผลิตที่ทางรัฐได้รับไปแล้ว จึงทำให้ปริมาณการขายของแหล่งบงกชลดลง
ทั้งนี้ แหล่งเบญจมาศคาดว่าจะปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 1 ปีจึงจะกลับขึ้นมาผลิตปิโตรเลียมได้ใหม่ ส่วนโครงการ Sabah K ในมาเลเซีย ขณะนี้ได้กลับมาผลิตปิโตรเลียมได้แล้ว ทำให้ ปตท.สผ.คาดว่าไตรมาส 2/2566 มีปริมาณการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 437,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีปริมาณการขายเฉลี่ย 460,817 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.เร่งเพิ่มกำลังการผลิตในโครงการ G1/61 หรือแหล่งเอราวัณ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในกลางปี 2566 และจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 600 และ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในสิ้นปี 2566 และช่วงเมษายน 2567 ตามลำดับ
นายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า เชฟรอนอยู่ระหว่างการเร่งหาวิธีในการนำแหล่งเบญจมาศกลับมาผลิตปิโตรเลียมใหม่ให้ได้อีกครั้งภายในเดือนกันยายน 2566 หลังจากเรือ FSO ที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ต้องหยุดผลิตไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เชฟรอนได้ยื่นขอต่ออายุสัมปทานแหล่งผลิตปิโตรเลียมไพลินที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2571 เพื่อขยายอายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปีถึงปี 2581 เนื่องจากเห็นศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียมต่อไปได้อีกในอนาคต ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
ทั้งนี้ แหล่งไพลินมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ 400-420 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ส่วนแหล่งเบญจมาศมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และก๊าซธรรมชาติ 45 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งภายหลังจากได้ส่งคืนแหล่ง G1/61 ให้ ปตท.สผ. ทำให้เชฟรอนมีกำลังการผลิตก๊าซฯอยู่ที่ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน น้ำมันดิบ 1.5 หมื่นบาร์เรล/วัน และคอนเดนเสท 1.5 หมื่นบาร์เรล/วัน (รวมกำลังผลิตแหล่งเบญจมาศ) ซึ่งปีนี้เชฟรอนตั้งงบการเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรักษาอัตรากำลังการผลิตปิโตรเลียมไว้