xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็ปเป้” ทุ่มพันล้านชูแผนสู้ต้นทุนพุ่ง ผนึก ม.หัวเฉียวลุยซัปพลีเมนต์สมุนไพรจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “เซ็ปเป้” ทุ่มงบพันล้านบาทลุยผุดคลังใหม่แบบออโต้ ปรับระบบผลิต เพิ่มไลน์ผลิต รับต้นทุนที่หวั่นว่าจะเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะค่าแรงงานพร้อมเปิดตลาดใหม่ ผนึกมหาวิทยาลัยหัวเฉียวลุยตลาดซัปพลีเมนต์ สมุนไพรจีน


นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPEเปิดเผยว่า ในปีนี้และปีหน้าบริษัทฯ วางงบลงทุนต่อเนื่องรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะใช้ประมาณ 800 ล้านบาท เช่น สร้างคลังสินค้าเพิ่มที่โรงงานเดิมปทุมธานี การปรับปรุงระบบการผลิตด้วยการใช้ออโตเมชันมากขึ้น เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 450 บาทจริงก็จะมีผลกระทบพอสมควร หรือแม้แต่วัตถุดิบ ค่าไฟที่สูงขึ้น

ส่วนปีหน้าจะมีการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าใหม่ๆ อีก เพราะปัจจุบันนี้ผลิตไม่เพียงพอต้องนำบางส่วนไปจ้างที่อื่นผลิตให้หรือเอาต์ซอร์ส โดยปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่ออกมาประมาณ 20 ตัว ซึ่งออกไปแล้ว 7 ตัว


ล่าสุดเพื่อเป็นการสานต่อแผนงานสู่เป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2565-2569) บริษัทฯ ได้ขยายตลาดเซกเมนต์ใหม่เข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน ซึ่งตลาดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ที่เป็นแรงผลักให้ผู้คนหันมาสนใจสุขภาพ รวมถึงการที่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ยิ่งทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย โดยเฉพาะความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติหรือสมุนไพรก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในตลาดโลกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการนําสมุนไพรรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีสมุนไพรเป็นวัตถุดิบมาใช้ ทั้งในรูปแบบอาหาร เครื่องดื่ม ยา อาหารเสริม เป็นต้น

ขณะที่ศาสตร์การแพทย์แผนจีนนับเป็นที่นิยมมายาวนาน เพราะแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การรักษาที่มีปรัชญาเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงการรักษาให้หายจากโรค แต่ยังช่วยป้องกันและลดความผิดปกติที่อาจเป็นผลข้างเคียงของโรคอีกด้วย ศาสตร์แพทย์แผนจีนจึงได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ


นางสาวปิยจิตกล่าวว่า ได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สถาบันที่เชี่ยวชาญยืนหนึ่งเรื่องจีน วิทย์สุขภาพ และนวัตกรรม คิดค้นและพัฒนาสูตรจากตำรับยาจีนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรจีน แบรนด์ “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” ถือเป็นผู้บุกเบิกกลุ่มสินค้าจากแพทย์จีนรูปแบบใหม่รายแรกในไทย นำสมุนไพรจีนที่เคยรับประทานยาก มาอยู่ในรูปแบบเม็ดบรรจุซองพร้อมรับประทานเป็นอีกแบรนด์ที่มาเสริมพอร์ตสินค้าของเซ็ปเป้ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม มี 2 สูตร คือ สูตรสดชื่น (กล่องแดง) เพื่อบำรุงกำลัง ราคากล่องละ 1,200 บาท และสูตรใจสงบ (กล่องน้ำเงิน) ช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด ราคากล่องละ 1,600 บาท ด้วยรูปแบบเม็ด ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายตามวิถีแพทย์แผนโบราณของจีน มุ่งเน้นกลุ่ม Silver Age (รุ่นใหญ่ วัยมั่งคั่ง) และคนวัยทำงานที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพ ขายผ่านร้านขายยา ช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook: เซ็ปเป้ อินหยาง, Line: @sappeonline และ Shopee: Sappe Official Store”

บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ในส่วนซัปพลีเมนต์นี้ 500 ล้านบาทภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่จะเข้ามาเป็นแรงเสริมผลักดันสู่เป้าหมาย 10,000 ล้านบาทอีกทางหนึ่ง และในอนาคตจะมีสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปี 2566 นี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 25% จากปีที่แล้วทำได้ 4,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากไทย 15% ส่วนตลาดหลักคือ ต่างประเทศสัดส่วน 85% ใน 98 ประเทศทั่วโลก

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือซัปพลีเมนต์ในตลาดโลกมีมูลค่ามากกว่า 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7-8% ต่อปี ขณะที่ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมมากกว่า 75,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-8% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งตลาดสมุนไพรไทยกับจีนก็เป็นเซกเมนต์สำคัญในการนำมาเป็นวัตถุดิบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่นกัน


รศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเข้มแข็งด้านจีนศึกษาและวิทยาศาสตร์สุขภาพ เชี่ยวชาญในด้านศาสตร์การแพทย์แผนจีนจนได้รับการยอมรับในไทยมายาวนาน รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กับเซ็ปเป้ในครั้งนี้

อาจารย์แพทย์จีน วีรชัย สุทธิธารธวัช อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน กล่าวเสริมว่า แพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่พึ่งพาธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี การใช้สมุนไพรจีนสามารถช่วยลดผลข้างเคียงของโรคต่างๆ ได้ เพราะมีส่วนผสมที่หลากหลายจากพืชรวมถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่ผ่านมาได้มีการนำสมุนไพรจีนมาพัฒนาร่วมกับยาแผนปัจจุบัน เพื่อใช้จุดแข็งของสมุนไพรจีนมาเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สมุนไพรจีนถูกพัฒนาจนมาเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สะดวก ได้รับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขององค์การอาหารและยาอย่างถูกต้อง และมีการจดอนุสิทธิบัตร โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติเป็นผู้ถือสิทธิชนิดสมุนไพรที่ใช้ในสูตร และ บมจ.เซ็ปเป้ เป็นผู้ถือสิทธิอนุสิทธิบัตรรายการสูตรตำรับของสินค้า


กำลังโหลดความคิดเห็น