xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.คาดนำเข้า LNG ตลาดจรปีนี้พุ่ง 6 ล้านตัน ชี้ราคาตลาดจรถูกกว่าใช้ดีเซลผลิตไฟฟ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.คาดปีนี้นำเข้า LNG ตลาดจรแตะ 6 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีก่อนนำเข้า 3.3 ล้านตัน เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ราคา LNG ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 9 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งเป็นต้นทุนต่ำกว่าการนำดีเซลมาใช้ผลิตไฟฟ้า มีผลให้ค่า Ft ปรับลดลง แย้มเตรียมเทรดคาร์บอนเครดิตในปีนี้
 
นายนพดล ปิ่นสุภา  ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2566 คาดว่าจะมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตลาดจร (SPOT) ประมาณ 100 ลำเรือ ลำเรือละ 6 หมื่นตัน หรือราว 6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ ปตท.มีการนำเข้า LNG 53 ลำเรือ หรือคิดเป็น 3.3 ล้านตัน ซึ่งขณะนี้มีการสั่งซื้อและนำเข้า LNG แล้ว 60 ลำเรือหรือราว 4 ล้านตัน ที่ระดับราคาต่ำกว่า 20 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งเป็นราคาที่ กกพ.เห็นชอบในการจัดหาและต่ำกว่าปีก่อนที่ราคา SPOT LNG เคยพีีกสูงถึง 40 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู

สาเหตุที่ปีนี้ไทยมีการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปริมาณการผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น และราคา SPOT LNG ได้ปรับลดลงมาจนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู เป็นระดับราคาที่ใช้ผลิตไฟฟ้าทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าด้วย ส่งผลให้ค่าต้นทุนไฟฟ้าผันแปร (Ft) ปรับลดลง ส่วนราคา SPOT LNG ปลายปีนี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 15-16 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียูตามความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่โอกาสที่ราคา LNG จะปรับขึ้นสูงมากเหมือนปีก่อนคงไม่เกิดขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีการผลิตก๊าซฯ เพิ่มมากขึ้นและสหภาพยุโรปก็ปริมาณการสำรองก๊าซฯ ที่สูงด้วย

กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. ประกอบด้วยธุรกิจที่ ปตท.ดำเนินการเอง ได้แก่ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและสายงานกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย รวมถึงธุรกิจที่ ปตท.ลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ซึ่งมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 31% ของกำไรสุทธิของ ปตท. หรือ 8,748 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานตามพันธกิจหลัก และก้าวสู่ธุรกิจใหม่ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond

โดยในปี 2565 สถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอันเป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท.ได้ร่วมลดผลกระทบต่อประชาชน และบริหารจัดการเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย การจัดหา LNG แบบตลาดจรในช่วงเวลาเร่งด่วน จัดหาและสำรองน้ำมันดิบในภาวะการขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการบริหารต้นทุนพลังงาน ปรับการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันในช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย   


นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย กล่าวว่า ปตท.ได้ดำเนินกลยุทธ์การดำเนินงานผ่านความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท.เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจเดิม (Hydrocarbon based) และเป็นฐานต่อยอดธุรกิจใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (Advance Materials & Specialty Chemicals) ที่สอดคล้องกับการเติบโตตามกระแสโลก โดยสามารถเชื่อมโยงและเติมเต็มห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ธุรกิจใหม่ของกลุ่ม ปตท. รวมถึงเพิ่มสัดส่วนธุรกิจคาร์บอนต่ำและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน นอกจากนั้น ยังมีการนำเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วยเสริมการบริหารจัดการเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจให้แก่ภาครัฐ เช่น การใช้ระบบดิจิทัลมาวางแผนการผลิตน้ำมันในประเทศด้วยระบบดิจิทัลผ่าน Hydrocarbon Value Chain Collaboration Center รวมถึงเครื่องมือในการบริหารจัดการทางเลือกใช้เชื้อเพลิงของประเทศในภาวะราคาพลังงานผันผวน เป็นต้น

ด้านกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รองรับสภาวการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สายงานกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท.ได้ผนึกพลังร่วมภายในกลุ่ม กำหนดแผนธุรกิจใหม่ภายใต้ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย การก้าวเข้าสู่ธุรกิจด้านการบริหารจัดการน้ำ (Water Management Business) รวมถึงแผนธุรกิจเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Emissions ของกลุ่ม ปตท. เช่น เตรียมการเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพอย่างยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel - SAF) ผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในเครื่องบิน ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการลงทุนในธุรกิจที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) เป็นต้น โดยธุรกิจใหม่ในปี 2565 มีสัดส่วน 15% ของ EBITDA ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 30% ของ EBITDA ในปี 2573


นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. กล่าวว่า หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. มี 6 สำนักงานการค้าอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยในปี 2565 ที่ผ่านมามีปริมาณการค้ารวมมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน แบ่งเป็นน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีการจัดหาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลกเพื่อรองรับความต้องการพลังงานของประเทศ

นอกจากนี้ ยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเข้าสู่ตลาด Carbon Credit Trading ให้ได้ภายในปีนี้ และการค้าเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น