xs
xsm
sm
md
lg

MINT คาดปีนี้ผลประกอบการแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “MINT” เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งตลอดปี 2566

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) กล่าวย้ำถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มและผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2566 โดยได้รับแรงผลักดันจากการเดินทางทั่วโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และกลยุทธ์การยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์เชิงรุกของบริษัทสำหรับธุรกิจร้านอาหาร

“แนวโน้มการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง บ่งบอกว่าผลการดำเนินงานของ MINT อาจสูงเกินความคาดหมาย”

นายดิลลิป ราชากาเรีย กล่าวว่า “โรงแรมของเราทั่วโลกมีความพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากความพยายามในการขายข้ามแบรนด์และข้ามภูมิภาค, ความสำเร็จในการขยายแบรนด์ของเราออกนอกตลาดต้นกำเนิดของแบรนด์นั้นๆ และเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีโอกาสในการเติบโต”

ไมเนอร์ โฮเทลส์ได้ดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ เช่น กลยุทธ์การขาย การตลาด โซเชียลมีเดีย และโปรแกรมความภักดีเพื่อผลักดันให้โรงแรมเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและส่งเสริมการขายข้ามแบรนด์และข้ามภูมิภาคไปยังตลาดใหม่
 


นายดิลลิป ราชากาเรีย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “อัตราการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ดยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศในทุกภูมิภาค ประกอบกับกลยุทธ์ในการขายเฉพาะของแต่ละแบรนด์ ทั้งนี้ เพื่อที่จะรับมือกับสภาวะของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ไมเนอร์ ฟู้ด ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์ ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนได้มีการเปิดตัวเมนูใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายอย่างแข็งแกร่ง โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการบริโภคภายในประเทศ”

MINT รายงานผลการดำเนินงานทางการเงินในไตรมาส 1 ปี 2566 ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมี EBITDA จากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่จำนวน 6.9 พันล้านบาท จากจำนวน 2.7 พันล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2565 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 150 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยความต้องการในการเดินทางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและจำนวนลูกค้าร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการดำเนินกลยุทธ์การกำหนดราคาค่าห้องพักเชิงรุกและการเพิ่มจำนวนโรงแรมและร้านอาหารใหม่ๆ ในเครือของบริษัท ทั้งนี้ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ ส่งผลให้อัตราการกำไร EBITDA จากการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากร้อยละ 13.2 ในไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นร้อยละ 21.1 ในไตรมาส 1 ปี 2566

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 647 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งเป็นผลส่วนใหญ่มาจากการเป็นช่วงนอกฤดูการเดินทางในทวีปยุโรปตามที่ทางบริษัทได้คาดการณ์และประมาณการไว้ล่วงหน้า แต่ผลขาดทุนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนจำนวน 3.6 พันล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2565


ไมเนอร์ โฮเทลส์รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานในจำนวนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่ผลกำไรของไมเนอร์ ฟู้ดเติบโตมากกว่า 4 เท่าจากปีช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงผลักดันจากการยกเลิกมาตรการการปิดเมืองต่างๆ ในประเทศจีนและการรักษาตำแหน่งของไมเนอร์ ฟู้ดในฐานะผู้นำตลาดร้านอาหารในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูง MINT ยังคงมุ่งบริหารจัดการฐานะทางการเงิน โดยลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลงมาอยู่ที่ 0.94 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 จาก 1.17 เท่า ณ สิ้นปี 2565 จากความสำเร็จในการการชำระคืนเงินกู้เดิมด้วยเงินกู้ใหม่ ซึ่งรวมถึงการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 10.5 พันล้านบาทในระหว่างไตรมาส นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของ MINT ประกอบกับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตเชิงกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่งเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่อไป

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ MINT ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสสวีตมากกว่า 530 แห่ง ภายใต้แบรนด์ อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช, นาว, เอเลวาน่า, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 56 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,500 สาขา ใน 24 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์, เบนิฮานา, ไทย เอ็กซ์เพรส, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, คอฟฟี่ เจอนี่ และกาก้า นอกเหนือจากร้านอาหารพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กว่า 1,000 สาขา (เช่น S&P และเบรดทอล์ค) อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และรับจ้างผลิต ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ อเนลโล่, เบิร์กฮอฟฟ์, บอสสินี่, ชาร์ล แอนด์ คีธ, โจเซฟ โจเซฟ, สวิลลิ่ง เจ. เอ. เฮ็งเคิลส์ และไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์


กำลังโหลดความคิดเห็น