ผู้จัดการรายวัน 360 - ยักษ์ชนยักษ์ แกรมมี่ร่วมทุนอาร์เอส อัดงบ 300 ล้านบาทตั้ง JV ร่วมจัดคอนเสิร์ตใหญ่แบบต่อเนื่อง 3 ปี ลั่นปีนี้จัดแน่ 3 คอนเสิร์ต พร้อมขนทัพศิลปินนักร้องยุค 90 และปี 2000 ตบเท้าขึ้นคอนเสิร์ตร่วม 100 ชีวิต มั่นใจตลอด 3 ปี โกยรายได้อย่างต่ำ 660-750 ล้านบาท กำไรกว่า 50% ของรายได้
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างแกรมมี่กับอาร์เอส ปรากฏการณ์คอนเสิร์ตแกรมมี่อาร์เอส ที่รอคอยมากว่า 40 ปีในครั้งนี้ จุดเริ่มต้นนั้นต่างคนต่างมีแผนกันอยู่แล้ว และได้เริ่มเจรจากันมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน จนมาถึงวันนี้ นับเป็นเวลาที่เหมาะสมที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE) ระหว่างแกรมมี่มิวสิค กับอาร์เอส มิวสิค
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมจัด SERIES CONCERT กับแผนระยะเวลา 3 ปี เฉลี่ยจะจัด 3 คอนเสิร์ตต่อปี ลงทุนปีละ 100 ล้านบาท หรือตลอด 3 ปีนี้น่าจะใช้งบลงทุนอย่างน้อย 300 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้ราว 660-750 ล้านบาท และมีกำไรคิดเป็น 50% จากรายได้รวมที่วางไว้
“ความร่วมมือในครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างวางแผนที่จะทำกันอยู่แล้วในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่เมื่อถึงเวลาก็ได้มาคุยกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ และปล่อยให้เราตัดสินใจ จึงคาดหวังว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในธุรกิจเพลง เพราะการเป็นคู่แข่งไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน บวกกับวันนี้ทั้งสองบริษัทพร้อมเปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตรในทุกด้าน ที่สำคัญโปรเจกต์นี้ถือเป็นการศึกษาและเรียนรู้รูปแบบการทำงานของอีกฝ่าย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสุขและความสนุกให้เกิดแก่แฟนเพลง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ฟัง แฟนคลับ ที่สำคัญ เป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเดินไปข้างหน้าได้อีกขั้น”
ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ กิจการร่วมค้าอะครอส เดอะ ยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์นี้ของทางอาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า ความร่วมมือในรูปแบบ JV ครั้งนี้จะเป็นเฉพาะในส่วนของธุรกิจโชว์บิซ หรืองานคอนเสิร์ตเท่านั้น โดยทั้งสองบริษัทร่วมลงทุนฝั่งละ 50% เท่าๆ กัน ช่วยกันทำ ร่วมกันตัดสินใจในทุกๆ ด้านให้ออกมาดีที่สุด
ส่วนบทบาทหน้าที่หลักๆ นั้น ทางแกรมมี่จะเน้นเรื่องธุรกิจ บัตรคอนเสิร์ต ครีเอทีฟ และโปรดักชัน ขณะที่ทางอาร์เอสจะมองในภาพรวม งบประมาณ การประชาสัมพันธ์ ประสานงานศิลปิน และตัดสินใจร่วมกัน
“รูปแบบการร่วมทุน JV ในวันนี้ เป็นโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ เพราะสะดวกในการบริหารงานมากกว่าทำในรูปแบบนิติบุคคลที่มีความยุ่งยากมากกว่า และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ซึ่งในเชิงธุรกิจคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และ 3 คอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มั่นใจว่าบัตรจะ Sold out ในเวลาอันรวดเร็ว หรือในปีแรกจะมีรายได้อย่างน้อย 220-250 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม แผนงาน 3 ปีของการร่วมทุนจัดคอนเสิร์ตนั้น เบื้องต้นวางไว้ปีละ 3 คอนเสิร์ต แต่พร้อมดูกระแสตอบรับ ถ้าดีก็พร้อมจัดเพิ่ม เบื้องต้นจะเน้นไปที่กลุ่มนักร้องศิลปินยุค 90 และปี 2000 ในปีต่อๆ ไปก็อาจจะมีรายชื่อศิลปินในยุคต่อๆ มาเข้ามาร่วม แน่นอนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในรูปแบบของคอนเสิร์ต จากรูปแบบรวมศิลปินในธีมที่แตกต่างกัน ก็อาจมีคอนเสิร์ตศิลปินคู่ระหว่าง 2 ค่ายก็เป็นไปได้หมด ตามกระแสเรียกร้องที่ต้องการให้เกิดขึ้น
สำหรับในปีนี้จะมี 3 คอนเสิร์ต คือ 1. วันที่ 29-30 กรกฎาคม 2. วันที่ 9-10 กันยายน และ 3. วันที่ 28-29 ตุลาคม โดยทุกคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี หากกระแสตอบรับดี พร้อมที่จะเพิ่มรอบได้อีก ที่สำคัญราคาบัตรที่จำหน่ายเป็นราคามาตรฐาน ไม่มีการปรับราคาขึ้นตามความพิเศษของคอนเสิร์ตอย่างแน่นอน
ขณะที่รายชื่อนักร้องและศิลปินยุค 90 และปี 2000 ที่จะขึ้นคอนเสิร์ตในปีนี้ รวมแล้วมีกว่า 100 ชีวิต นำโดย เจ เจตริน, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, คริสติน่า อากีล่าร์, แร็พเตอร์, ใหม่ เจริญปุระ, โดม ปกรณ์ ลัม, มอส ปฏิภาณ, ลิฟท์-ออย, ทาทา ยัง, เต๋า สมชาย, นิโคล เทริโอ, เจมส์ เรืองศักดิ์, มาช่า วัฒนพานิช, นุ๊ก สุทธิดา, นัท มีเรีย, เกิร์ลลี่ เบอร์รี่, ซาซ่า, โฟร์ ศกลรัตน์, กอล์ฟ พิชญะ, หวาย, 2002 ราตรี, ไชน่าดอลส์, แคทรียา อิงลิช, เนโกะจัมพ์, ญาญ่าญิ๋ง, เฟย์ ฟาง แก้ว, เป๊ก ผลิตโชค, แดน-บีม, ลิเดีย ศรัณย์รัชต์, ชิน ชินวุฒ, บาซู, ไอซ์ ศรัณยู, ดัง พันกร, แบงค์ ปรีติ, ปาน ธนพร, หนุ่ม กะลา, แหม่ม พัชริดา, โบ สุนิตา, ฟลุ๊ค ไอน้ำ, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ศรราม, จั๊ก ชวิน, นิว-จิ๋ว, โจ๊ก โซคูล, อู๋ ธรรพ์ณธร, แอม เสาวลักษณ์, หญิงลี, ไท ธนาวุฒิ, ปีเตอร์ คอร์ป, อี๊ด ฟลาย, ป๊อป ปองกูล, อนัน อันวา และศิลปินอีกมากมาย
“ที่ผ่านมาการทำโชว์บิซของทั้งแกรมมี่และอาร์เอสไม่เคยเอาเมนสปอนเซอร์มาเป็นรายได้หลัก แต่จะเน้นการขายบัตรให้หมด 100% มากกว่า ส่วนรายได้สปอนเซอร์ถือเป็นเรื่องรอง เป็นเรื่องของกำไร เป็นท็อปอัพของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมา แต่จากโปรเจกต์นี้ ล่าสุดในแง่ของเมนสปอนเซอร์ ขณะนี้ได้รับความสนใจแล้วกว่า 10 แบรนด์ เช่น ฮอนด้า, ไทยประกันชีวิต และ bitkub เป็นต้น ซึ่งถือเป็นอีกปรากฏการณ์ที่ได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์เป็นอย่างมาก ซึ่งแต่ละคอนเสิร์ตที่เราจะจัดนั้น ตั้งใจให้มีเมนสปอนเซอร์ราว 15 แบรนด์ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการจดจำได้ ขณะที่ราคาเมนสปอนเซอร์อาจจะมีการปรับขึ้นกว่าปกติบ้าง จากความพิเศษและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากทั้ง 2 ค่าย” นายภาวิตกล่าวสรุป