xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ชี้ปีนี้รายได้หด เหตุราคาน้ำมัน-ก๊าซฯ ปรับลดลง-เร่งปิดดีล M&A

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.คาดปี 2566 รายได้รวมลดต่ำกว่าปีก่อนที่ 3.37 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ระดับกว่า 2.2 ล้านบาท เป็นผลจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง แต่จะรักษากำไร แย้มเจรจา M&A กว่า 5 โครงการส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ในต่างประเทศ เล็งทยอยปิดดีลในปีนี้

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลประกอบการในปี 2566 ปตท.คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.37 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ระดับกว่า 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวลงจากปีที่แล้ว แต่บริษัทก็มีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยปี 2566 คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐบวก/ลบต่อบาร์เรล จากปีก่อนที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่บริษัทจะพยายามรักษาการทำกำไร

สำหรับภาพรวมธุรกิจต่างๆ ของ ปตท.จากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลงในปีนี้ ส่งผลต่อธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ปตท.สผ. ทำให้รายได้จากการขายปิโตรเลียมลดลงซึ่งปตท.สผ.ได้เร่งเพิ่มปริมาณการขายมากขึ้นเพื่อไปชดเชยรายได้ที่หายไป ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าสถานการณ์ยังไม่ค่อยดี เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาด แต่ก็เชื่อราคาปิโตรเคมีจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2565 เนื่องจากจีนเปิดประเทศทำให้มีความต้องการใช้ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น


ธุรกิจโรงกลั่นพบว่าปีนี้ค่าการกลั่น (GRM) ยังอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับวัตถุดิบ (สเปรด) จะแคบลง แต่ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบก็ลดลงด้วยเช่นกันเมื่อเทียบจากปี 2565 ทำให้กลุ่มโรงกลั่นยังมีผลดำเนินงานดีอยู่

สำหรับธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปีนี้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลดลงและการปรับขึ้นค่า Ft รวมทั้งการลงทุนพลังงานหมุนเวียนในประเทศอินเดียก็เดินหน้าไปด้วยดี เช่นเดียวกับธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกของ OR ที่ปีนี้มียอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ส่วนธุรกิจใหม่อยู่ในช่วงการลงทุน แต่ปีนี้คาดว่าจะรับรู้กำไรเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนที่บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจ Life Science ที่ ปตท.ถือหุ้น 100% มีกำไรราว 600 ล้านบาทจากการเข้าไปลงทุนถือหุ้นใหญ่ในบริษัท Lotus Pharmaceutical ในสัดส่วนประมาณ 37%

นายอรรถพลกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุน (JV) ควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) อย่างน้อย 5 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ในต่างประเทศ อาทิ พลังงานอนาคต (Future Energy) คาดว่าปีนี้จะทยอยปิดดีลโครงการดังกล่าว


สำหรับแหล่งเงินทุนนั้น ทาง ปตท.ได้ตั้งงบลงทุน 5 ปีนี้ (2566-70) อยู่ที่ 4 แสนกว่าล้านบาท แบ่งของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้นสัดส่วน 100% วงเงินรวม 100,227 ล้านบาท และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 302,168 ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร โดยขยายการลงทุนให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น แบตเตอรี่และโรงงานประกอบรถยนต์อีวี การลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศ การลงทุนในธุรกิจ Life science (ธุรกิจยา Nutrition และอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

การลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้กลุ่ม ปตท.บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 12,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 ตลอดจนการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel) โดยมุ่งเน้นในการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

นายอรรถพลกล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองหาเสียงชูนโยบายลดราคาพลังงานว่า แนวโน้มราคาน้ำมันปีนี้เบาใจได้ว่าราคาจะปรับลดลงจากปีก่อน ทำให้ไม่มีประเด็นเรื่องต้นทุนการผลิต ดังนั้นนโยบายพลังงานควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หากราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นก็ช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น เชื่อว่าปีนี้ราคาพลังงานที่ลดลง ก็หวังว่าภาระการอุดหนุนราคาพลังงานของ ปตท.ก็น่าจะลดลงด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น