xs
xsm
sm
md
lg

เผย 12 เทรนด์ยุคโลกไร้ระเบียบ แบรนด์รับมือ Polycrisis

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - อิปซอสส์ชี้ ก้าวสู่ยุคโลกไร้ระเบียบ เผยรายงานการศึกษาชุดใหญ่ “อิปซอสส์ โกลบอล เทรนด์ 2023: โลกแห่งวิกฤตและภัยพิบัติ” กับ 12 เทรนด์โลก พร้อมชุดเครื่องมือช่วยภาครัฐ และภาคธุรกิจให้แบรนด์รับมือ Polycrisis เผย 3 ใน 4 ของประชากรโลกเรียกร้องภาครัฐและการบริการสาธารณะให้ความช่วยเหลือน้อยไป คนไทย 80% กังวลว่ารัฐบาลและบริการสาธารณะจะไม่ดูแลประชาชนในอนาคต และ 50% ไม่ไว้วางใจผู้นำทางธุรกิจที่จะพูดความจริง เผยความท้าทาย และแนวทางการรับมือของแบรนด์สินค้า ต่อวิกฤต 4 ด้านหลักในโลกแห่งวิกฤตและภัยพิบัติ Polycrisis


นางสาวอุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ และ นางสาว พิมพ์ทัย สุวรรณศุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ได้เปิดเผยถึงรายงานการศึกษาชุดใหญ่ “อิปซอสส์ โกลบอล เทรนด์ 2023” (Ipsos Global Trend 2023) ชี้ให้เห็นถึงภาวะวิกฤตโลก ก้าวเข้าสู่ยุคโลกแห่งความไร้ระเบียบ (A New World Disorder) รับมือกับความเสี่ยงและวิกฤต Polycrisis ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานชุดนี้เป็นรายงานชุดการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดที่ อิปซอสส์เคยนำเสนอมา โดยทำการสัมภาษณ์ถึง 48,000 คน ใน 50 ตลาดสำคัญ ครอบคลุม 70% ของประชากรโลก และ 87% ของ GDP รวมถึงตลาดเอเชียถึง 11 แห่ง ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย และเวียดนาม โดยทำการสำรวจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของความคิดเห็นของประชากรในแต่ละปี


นางสาวพิมพ์ทัยเปิดเผยว่า “รายงานชุดนี้ อิปซอสส์ทุ่มทำการศึกษาอย่างหนัก เพื่อให้แม่นยำที่สุด และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ 12 เทรนด์โลก ได้เริ่มทำการศึกษาตั้งแต่ปี 2562 โดยใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงและมุมมองจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแนวโน้มและการมองการณ์ไกลในการทำการวิเคราะห์ โดยครอบคลุมเนื้อหาสำคัญ ในเรื่องของกระแสประชานิยม การสร้างแบรนด์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยี ข้อมูลและความปลอดภัย การเมืองและประเด็นทางสังคม โดยได้ทำการอัปเดตการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยสรุปภาพรวม ดังนี้

อินโดนีเซีย กังวลสูงสุดเรื่องความช่วยเหลือจากภาครัฐและการบริการสาธารณะ ขณะที่ไทยอยู่ในระดับต้นๆ ในจำนวน 50 ประเทศที่สำรวจ

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงการก้าวเข้าสู่โลก Polycrisis ที่เต็มไปด้วยวิกฤตในหลากหลายด้าน ราย
งานอิปซอสส์ชี้ให้เห็นถึงความคิดเห็นของประชากร ด้วยสถิติกว่า 74% เห็นพ้องกันว่ารัฐบาลและการบริการสาธารณะของประเทศให้ความช่วยเหลือประชาชนน้อยเกินไป โดยตลาดในภูมิภาคเอเชียมีความกังวลใจสูงกับการเผชิญกับความหายนะด้านสิ่งแวดล้อม โดย อินโดนีเซีย กังวลเป็นอันดับ 1 ในอัตรา 92% เวียดนาม 91% ฟิลิปปินส์ 88% ไทย 86% เกาหลี 85% และอินเดีย 85% ทั้งนี้ ชาวเอเชียส่วนใหญ่เชื่อว่า โลกาภิวัตน์เป็นมาตรการที่ดีสำหรับประเทศของตน

นอกจากในส่วนของบริษัท รัฐบาล และระดับบุคคล ต่างเป็นที่คาดหวังให้มีบทบาทในการร่วมกันแก้ไขวิกฤตการณ์เหล่านี้ และช่วยให้ผู้คนสามารถรับมือได้ อย่างไรก็ตาม การที่ไม่ได้รับความไว้วางใจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยคนไทย 80% กังวลว่ารัฐบาลและบริการสาธารณะจะไม่ดูแลประชาชนในอนาคต และ 50% ไม่ไว้วางใจผู้นำทางธุรกิจในการพูดความจริง


“ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง-แนวคิด อิปซอสส์” (Ipsos’s Theory of Change) กับกลไก Macro Forces Shifts และ Signals
นางสาวพิมพ์ทัยเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “อิปซอสส์ได้นำผลการศึกษาพัฒนาเป็น “Ipsos’s Theory of Change” ภายใต้แนวคิด 3 ด้าน คือ Macro Forces มาโคร ฟอร์ซ จากการทำวิจัยขั้นทุติยภูมิ ประกอบด้วย 6 กรอบแนวคิด Shifts - การเปลี่ยนแปลง ที่ได้จากการทำแบบสอบถาม และ Signals สัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลง อิงจากการสังเกตในท้องถิ่น

โดย Marco Forces ประกอบด้วย 6 แนวคิด ที่เน้นด้านสังคม แรงกระตุ้นทางเทคโนโลยี โอกาสและความไม่เสมอภาค ภาวะฉุกเฉินของวิกฤตสิ่งแวดล้อม ความแตกแยกทางการเมือง และสุขภาพดีถ้วนหน้า ที่เป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อสังคม ตลาด และผู้คนในวงกว้าง ทั้งในระดับประเทศ และข้ามพรมแดน

Societies in Flux / Tech-Celeration / Inequalities and Opportunities / Environmental-Emergencies / Political-Splintering และ Well-rounded Well-being


12 เทรนด์โลก กับทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงของอิปซอสส์ Ipsos’s Theory of Change 2023 กับ 12 เทรนด์โลก รับมือภาวะวิกฤต

ทั้งนี้ 12 เทรนด์สำคัญที่อิปซอสส์ทำการศึกษา ประกอบด้วย ความเป็นปรปักษ์ของสภาพภูมิอากาศ (Climate Antgonism) การคำนึงด้านสุขภาพ (Conscientious Health) ความถูกต้อง สำคัญดั่งราชา (Authenticity is King) ภาวะวิกฤตด้านข้อมูล (Data Dilemma) มิติด้านเทคโนโลยี (The TECH Dimension) จุดสูงสุดของโลกาภิวัตน์ (Peak Globalisation) โลกที่ถูกแบ่งแยก (A Divided World) จุดเปลี่ยนของทุนนิยม (Capitalism’s Turning Point) การโหยหาและยึดเหนี่ยวกับสิ่งเดิม (The Enduring Appeal for Nostalgia) ปฏิกิริยาต่อความไม่แน่นอนและความไม่เท่าเทียม (Reactions to Uncertainty and Inequality) การมองหาความเรียบง่าย (Search for Simplicity) ตัวเลือกสำหรับการดูแลสุขภาพ (Choices to Healthcare)

อิปซอสส์ชี้ โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของโลกแห่งความไร้ระเบียบ (New World Disorder) ที่เต็มไปด้วยวิกฤตและภัยภิบัติ 

วิกฤตการณ์หลายมิตินี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานการณ์ที่คุณต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ หลายครั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานการณ์ส่งผลที่น่าอันตรายยิ่งกว่า อิปซอสส์จึงได้ศึกษาประเด็นหลักที่ทำการสำรวจและประเมินผล ได้ดังนี้


วิกฤตเศรษฐกิจกระทบกระเป๋าเงินและจิตใจ (An economic crisis hitting our wallets and hearts) คนไทยอยู่ในสัดส่วนที่รู้สึกตนเองยังคงต้องดิ้นรนต่อสู้ สถิติความยากลำบากด้านการหารายได้ โดยเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 34% ขณะที่ ไทย อยู่ในอัตรา 27%

ส่วนประเด็นที่ผู้คนยังคงมีความกดดันกับรายได้ที่ใช้จ่ายได้ (Disposable Income) 53% กังวลปัญหาเงินเฟ้อ 48% กังวลรายได้ตนเองจะไม่พอใช้

วิกฤตความตึงเครียดระหว่างโลกกับท้องถิ่น (A crisis of Tension with Global vs Local) แม้ว่าหลายคนจะพูดถึง de-globalization แต่สถิติอย่างน้อย 6 ใน 10 คนทั่วโลกยังเชื่อว่า โลกาภิวัตน์ ยังเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาและประเทศของพวกเขา

โดยอัตราเฉลี่ยในอัตรา 66% ทั่วโลกที่เห็นว่าดีสำหรับประเทศของตน ส่วนภาพรวมของประเทศไทย สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของโลก อยู่ที่ 72% ขณะที่ 62% รู้สึกดีในส่วนของตัวเขาเอง


สำหรับประเทศไทย ในประเด็นที่ว่าคนส่วนใหญ่ยังคงยินดีที่จะซื้อของในไทย มากกว่าสินค้านอก อยู่ในอัตรา 73% และเป็นที่น่าสังเกตว่า 75% พอใจในช่องทาง ออนไลน์ ที่เสนอเงื่อนไขให้ดีกว่าช่องทางปกติ

ต้องการให้มีใครมาช่วยแก้ปัญหาสภาวะวิกฤตของดินฟ้าอากาศ (A climate crisis we want someone to solve) 8 ใน 10 คน มีความเห็นตรงกันว่าเรากำลังมุ่งหน้าสู่ภัยพิบัติด้านสภาวะแวดล้อม เว้นแต่ว่าผู้คนต้องมีการเปลี่ยนนิสัยอย่างเร่งด่วน โดยมีอัตราสูงถึง 80% ขณะที่ภาพรวมของไทยสูงกว่าอัตราเฉลี่ยโลกที่ 86% ขณะเดียวกัน ภาพรวมของอัตราเฉลี่ยโลก 75% ยังเชื่อว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์ขณะนี้ยังไม่เห็นทางที่จะแก้ไขในจุดนี้ได้

บทบาทของแบรนด์ในการสร้างความต่าง (The role for Brands to make a difference? ) ประชาชนเห็นว่าวิธีการต่างๆ ในปัจจุบันของผู้นำธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อคนไทย 80% ของคนไทยกังวลว่ารัฐบาลและบริการสาธารณะจะไม่ดูแลอนาคตของพวกเขา ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของ APAC ถึง 9% 36% ของคนไทย คิดว่ารัฐบาลแห่งชาติ ดี และค่อนข้างดี ในการวางแผนระยะยาว


ถึงแม้การแบ่งแยกจะมีอยู่ทั่วโลก แต่การศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้คนคาดหวังที่จะเห็นความชัดเจนของแบรนด์และธุรกิจ โดย 81% รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่แบรนด์ที่ให้ความสนับสนุนที่ดี จะส่งผลให้สามารถทำเงินได้ในเวลาเดียวกัน 71% ยินดีซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ ถึงแม้จะต้องจ่ายมากกว่าก็ตาม 57% ยอมจ่ายแพงขึ้นให้กับแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์โดนใจ 53% ไม่เชื่อว่าผู้นำธุรกิจจะพูดความจริง แต่ในส่วนของไทยอยู่ในอัตรา 50% ที่ไม่เชื่อใจ และ 74% ประชากรโลกรู้สึกว่ารัฐบาลและบริการสาธารณะยังทำน้อยมากให้กับผู้คนสำหรับอนาคตอันใกล้นี้

โดยมีสถิติที่ต้องการให้ธุรกิจแสดงความจริงใจในแต่ละประเทศ ดังนี้ อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ในสัดส่วน 78%, 71%, 64%, 60%, 56% และ 50% ตามลำดับ

ภาวะวิกฤตด้านข้อมูล และข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี (Data Dilemmas & The Tech Dimension) ในตลาด APAC มีความกลัวในจุดนี้ในระดับใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ 60% โดยเฉลี่ย มีความกลัวว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาทำลายคุณภาพชีวิต และไทยอยู่ในระดับเดียวกับอัตราเฉลี่ยที่ 61% ส่วน 81% รู้สึกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสูญเสียความเป็นส่วนตัวในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่








กำลังโหลดความคิดเห็น