xs
xsm
sm
md
lg

เผย 4 คลื่นฟาดสินค้าหลังโควิด YDM ส่งกลยุทธ์กู้ชีพ-จ่อซื้อกิจการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - อาฟเตอร์โควิด แบรนด์เจอ 4 คลื่นกระทบหนัก วายดีเอ็มส่ง 4 กลยุทธ์กู้ชีพ ผสานเทคโนโลยีและครีเอทีฟ สร้างโอกาสบนตลาดใหม่ ขับเคลื่อนการเติบโตแบบ Ful-Funnel ปักธงรายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท โต 65% พร้อม IPO ปี 67


นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า 3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจและนักการตลาดไทยเผชิญหน้ากับความท้าทาย และโควิด-19 เข้ามาเป็นตัวเร่งให้ทุกอย่างเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์เร็วขึ้น 10 ปี ทั้งการ Work From Home การเรียนออนไลน์ การบริโภค การเดินทาง การซื้อของและการทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินในโลกดิจิทัล ส่งผลให้ธุรกิจเล็ก-ใหญ่เร่งปรับตัวสู่รูปแบบออนไลน์ผ่านหลากหลายช่องทาง

แต่หลังจากนี้ยังมีความท้าทายต่อจากอาฟเตอร์โควิด ที่นักการตลาดและธุรกิจจะต้องเผชิญถึง 4 ด้าน คือ 1. ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ลดต่ำลง เกิดจากการแข่งขันในตลาด ผู้บริโภคมีทางเลือกในสินค้าเดียวกันมากขึ้น มองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ดีมากกว่าเดิมในราคาที่ถูกกว่าได้ไม่ยาก ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความกล้าที่จะทดลองสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z, 2. ผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้น มีความชับซ้อนขึ้น ต้องการคุณภาพสินค้าที่สูงขึ้น ตรงใจมากขึ้น คาดหวังการบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้นแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการ และธุรกิจ E-commerce


3. การสื่อสารทวีความชับซ้อน หลายแบรนด์เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ทั้ง Facebook IG, Line, YouTube, Twitter และ TiKtok เป็นต้น ซึ่งหลายแบรนด์ทำพลาดเพราะใช้วิธีสื่อสารในทุกๆ ช่องทางเหมือนกันหมด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แต่ละช่องทางมีวัตถุประสงค์ในการใช้เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคเบื่อหน่ายในการเห็นโฆษณาแบบเดิมซ้ำๆ ทำให้สูตรการทำโฆษณาในอดีตที่เน้นเรื่องการทำ Reach & Frequency เริ่มเห็นผลน้อยลงอย่างมีนัย และ 4. ค่าโฆษณาออนไลน์พุ่งสูงขึ้น เมื่อทุกธุรกิจมุ่งสู่ออนไลน์จึงเกิดสงครามการแย่งชิงพื้นที่โฆษณาบนสื่อออนไลน์ต่างๆ เกิดการบิดราคาแข่งขันกัน ทำให้ค่าโฆษณาสูงขึ้นเรื่อยๆ


ทั้งนี้ วายดีเอ็มพร้อมนำเสนอ 4 กลยุทธ์ เพื่อช่วยให้นักการตลาดและแบรนด์เร่งกระบวนการ Marketing transformation โดยผสานเทคโนโลยีและครีเอทีฟ เปิดโอกาสที่มากขึ้นให้กับแบรนด์ ด้วยการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจแบบ Full-Funnel ในยุคอาฟเตอร์โควิด ได้แก่ 1. Go Beyond CRM : แบรนด์ต้องเดินเกมรุกเหนือกว่าการทำ CRM และยกระดับขึ้นสู่ Customer Data Platorm (CDP) โดยพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลทุกคนที่มา Engage กับแบรนด์ในหลากหลายช่องทาง ทั้ง online และ offline ทั้งที่เป็นลูกค้าและที่ยังไม่เป็นลูกค้า โดยเก็บข้อมูลไว้ในที่เดียว เพื่อให้เข้าใจลูกค้าในทุกกลุ่ม และทำการสื่อสารแบบ Personalized marketing ข้อมูลที่เก็บไว้ยังนำมาวิเคราะห์สู่การสร้าง Segment ใหม่ ไปจนถึงการพัฒนากลยุทธ์การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและวัดผลได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางการตลาด สร้างยอดขายและรายได้ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ

2. Advertising Technology : ใช้เทคโนโลยีช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนซื้อโฆษณาดิจิทัลผ่าน Modem digital media โดยใช้ AI ในการทำ Prediction เพื่อวางแผนซื้อสื่อออนไลน์แบบเรียลไทม์ ผนวกกับ Data จาก CDP และ Third party data เพื่อการซื้อสื่อที่แม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยบริหารจัดการงบประมาณในแต่ละช่องทางได้แม่นยำ โดยทำการ Optimize media แบบอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากการซื้อสื่อดิจิทัลแบบเดิมๆ เพียง Research และ Data จาก Media platform ต่างๆ และทำการ Optimize โดยใช้คนเป็นหลัก

3. การตลาดแบบ Full Funnel ไร้รอยต่อ : กลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทางที่ต่างกัน ไม่ควรสื่อสารด้วยข้อความหรือรูปแบบเดียวกันด้วย เช่น Tiktok ที่มีความเป็นเอนเตอร์เทนมนต์ ไม่ควรลงโฆษณาที่มีเนื้อหาอัดแน่นทางการมากเกินไป, YouTube สื่อสารด้วย Story Telling ต้องเล่าเรื่องให้น่าสนใจให้ผู้บริโภคดูจนจบ, Twitter ใช้เทคนิคการสื่อสารแบบชวนคุย, Facebook แชร์เรื่องราวและเนื้อหาที่น่าสนใจ เพื่อเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ทั้งนี้ ด้วยช่องทางการสื่อสารที่มีมากมาย ทำให้แบรนด์สิ้นเปลืองงบประมาณในการทำ Content สามารถนำเอา AI มาประยุกต์ใช้ ช่วยทำภาพหรือคิด Caption ต่างๆ ทำให้สร้าง Content ได้มากขึ้นในงบประมาณที่น้อยลง


4. New Market : เจาะตลาดกลุ่มใหม่ๆ ที่คู่แข่งยังไม่ลงไปเล่น เพื่อมองหาโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์ เช่น การตลาดภูธร ทำการตลาดกับคนต่างจังหวัดที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ เช่น สปป. ลาว พบว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมนิยมและชื่นชอบบริโภคสินค้าไทย หรือการตลาดกับเกมเมอร์ เป็นต้น

นายธนพล กล่าวต่อว่า วายดีเอ็ม เป็นเอเยนซีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด พร้อมผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีกับครีเอทีฟ นำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ทำให้นักการตลาดและแบรนด์สร้างยอดขายและกำไรตามแผนธุรกิจ โดยได้วางระบบ CDP ร่วมกับการใช้ระบบ AI เพื่อวางแผนการซื้อโฆษณา และการติดต่อ Data Partners สร้างฐานข้อมูลองค์กร เพิ่มความแข็งแกร่ง รวมถึงการทำการตลาดแบบ Full-Funnel ยกระดับให้นักการตลาด และแบรนด์ก้าวผ่านยุคอาฟเตอร์โควิด และเติบโตในตลาดยุค 5.0 ได้อย่างมั่นคง โดยในปี 2566 นี้วายดีเอ็มตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท โตขึ้น 65% จากปีที่ผ่านมาทำได้ราว 600 ล้านบาท ซึ่งปีนี้การเติบโตจะมาจากการขับเคลื่อนด้วย 3 กลยุทธ์ คือ MarTech ทั้งพัฒนาเองและนำเข้า, Full-Funnel Creativity กับการเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับ Tiktok และสุดท้ายคือการทำ M&A ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้คาดว่าจะมาจากกลุ่มครีเอทีฟ Full Funnel 45% กลุ่มมาร์เทค 45% และจากกลุ่มโอกาสธุรกิจใหม่ 10%

ล่าสุด ปีนี้ วายดีเอ็ม เตรียมเปิดตัว MarTech "DFinery" เทคโนโลยี Cop แบบใหม่ เล็งขยายควบซื้อกิจการธุรกิจต่อยอดธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเร็วๆ นี้ รวมทั้งเตรียมปูทางเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2567
















กำลังโหลดความคิดเห็น