xs
xsm
sm
md
lg

CPL รุก BCG ลดเสี่ยงฟอกหนัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - CPL รุกธุรกิจ “บีซีจี” เพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงหลังอุตสาหกรรมฟอกหนังเผชิญความไม่แน่นอน เร่งผลิตสินค้ากลุ่ม Bio-TAN ล่าสุดดันบริษัทร่วมลงทุน “นาว เอนด์ออฟเวสท์” คว้างานติดตั้งเครื่องย่อยเศษอาหารใน 2 โครงการใหญ่

นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมฟอกหนังนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ที่สะท้อนผ่านตัวเลขส่งออกเดือนมกราคม 2566 ที่ลดลง 4.5% 
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่งออกยังได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวโน้มอ่อนค่าได้อีกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าทิศทางค่าเงินบาทยังมีความผันผวน ดังนั้น CPL จึงพยายามลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของค่าเงิน ด้วยการมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ

“เรามองโอกาสในการขยายเข้าสู่ธุรกิจ “บีซีจี” (BCG : Bio-Circular-Green Economy) ด้วยการจัดโครงสร้างธุรกิจของ CPL ใหม่ จากเดิมที่เรามี 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตหนังสำเร็จรูป ธุรกิจฟอกหนัง และธุรกิจป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักต์) ล่าสุดเราขยายไปสู่ธุรกิจ BCG ธุรกิจเทคโนโลยี และธุรกิจแฟชั่น เพื่อสร้างและขยายการเติบโต (Expand) และกระจายความเสี่ยงในการลงทุนให้มีความหลากหลาย (Diversify) โดยเฉพาะธุรกิจ BCG และเทคโนโลยีจะเป็น New-Era ที่เป็นความท้าทายใหม่ของเรา” นายภูวสิษฏ์กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์หนัง บริษัทฯ ได้เพิ่มสินค้าในกลุ่ม Bio-TAN ที่มีกระบวนการจัดซื้อเคมีภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ ตลอดจนกระบวนการผลิต เพื่อลดมลภาวะ (Bio-Tanning Chrome Free) เพื่อขยายสู่ตลาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมีการลงทุนด้านพลังงานสะอาด “ไบโอแก๊ส” (BioGas) เพิ่มขึ้นให้ทันภายในปี พ.ศ. 2568 ตามข้อกำหนดของแบรนด์ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ที่ให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น 
ขณะที่ก่อนหน้านี้ CPL ได้ร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัท นาว เอนด์ออฟเวสท์ จำกัด ผ่านบริษัทย่อยในสัดส่วน 50% เพื่อนำเข้าและพัฒนาเครื่องย่อยเศษอาหารภายใต้แบรนด์ “นาว” (NOW) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ที่อิงกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้มีโครงการทดลองนำร่องเครื่องย่อยเศษอาหาร NOW ใน 3 โครงการ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต โครงการเดอะ ฟูด สกูล แบงค็อก โรงเรียนสอนทำอาหารของกลุ่มดุสิตธานี และโครงการคอนโดมิเนียม เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ

ล่าสุดบริษัทฯ สามารถคว้างานติดตั้งเครื่องย่อยเศษอาหารให้กับ 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการวิซดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ (WHIZDOM THE FORESTIAS) และโครงการมัลเบอร์รี โกรฟ คอนโดมิเนียม (Mulberry Grove Condominium)

“เราคาดว่าธุรกิจใหม่จะสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัทฯ เพราะนอกจากจะมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตแล้ว ยังสอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน ซึ่งแม้ว่าอุตสาหกรรมฟอกหนังจะเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่ CPL ก็มีแผนและกลยุทธ์ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง โดยที่ยังประคับประคองธุรกิจหลักไว้”

โดยในส่วนของอุตสาหกรรมฟอกหนังแม้ว่าภาพรวมจะยังคงซบเซาจากผลกระทบด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เราก็ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ “ดร.มาร์ติน” ให้ผลิตหนังสำหรับรองเท้าเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด CPL ได้ลงทุนขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก 5 แสนฟุต เป็น 2.7 ล้านฟุตในปีนี้ ก่อนจะขยายเป็น 3.0-3.5 ล้านฟุตในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว

CPL เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหนังวัวฟอกสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์ชั้นนำของโลก เช่น อาดิดาส (ADIDAS), ลาคอสต์ (LACOSTE), ทิมเบอร์แลนด์ (TIMBERLAND), ดร.มาร์ติน (Dr.Martens), พูม่า (PUMA) และอื่นๆ ที่สั่งซื้อเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรองเท้ากีฬา และรองเท้าลำลอง ซึ่งปัจจุบันปริมาณการผลิตหนังวัวฟอกสำเร็จรูปของบริษัทฯ อยู่ที่ 2.5 ล้านตารางฟุตต่อเดือน คิดเป็นการใช้กำลังการผลิตราว 85% โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอินเดีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่เป็นฐานการผลิตรองเท้าแบรนด์ชั้นนำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจด้วยการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ได้แก่ รองเท้านิรภัย (Safety Shoes) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” และสินค้าอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ-จัดซื้อภายในประเทศ รวมทั้งเป็นสินค้ารับจ้างผลิต (OEM) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังถือหุ้นในบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด (CPLV) ในสัดส่วน 99.97% เพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สร้างการเติบโตแบบ New S-Curve อีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น