วันนี้ (15 มี.ค. 66) นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ และนายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กว่า 200 นาย เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันที่หมดสัญญาสัมปทานของบริษัทเอกชน มากว่า 10 ปี ในพื้นที่หมู่ 4, 5, 7 และหมู่ 8 ต.ปลายพระยา รวมพื้นที่ 5 พันไร่ ตามโครงการโค่นล้มต้นปาล์มน้ำมันในพื้นที่หมดอายุสัมปทานของกรมป่าไม้ เพื่อปลูกป่าไม้ทดแทน และสร้างป่าชุมชน
นายสมชาย ผอ.สจป.ที่ 12 สาขากระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายให้ยับยั้งการบุกรุกทำลายป่าและลักลอบทำไม้มีค่าหายาก รวมทั้งดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จึงสั่งการให้กรมป่าไม้กำหนดยุทธการรื้อถอนทำลายต้นปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ที่หมดอายุการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและไม่มีการต่ออายุการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าปลายคลองพระยา ท้องที่หมู่ที่ 4, 5, 7, 8 ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โดยอธิบดีกรมป่าไม้ได้สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ดำเนินการประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เปิดยุทธการรื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานในวันนี้
นายชาญชัยกล่าวอีกว่า ในวันนี้หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ได้รับคำสั่งจากนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้นำเจ้าหน้าที่พยัคฆ์ไพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, ฝ่ายปกครองอำเภอปลายพระยา, สถานีตำรวจภูธรปลายพระยา, สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า โดยส่วนปฏิบัติการพิเศษ ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) และ กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ รวม 170 นาย ร่วมเปิดยุทธการรื้อถอนทำลายต้นปาล์มน้ำมันในพื้นที่เป้าหมาย รวมจำนวน 5,000 ไร่ พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดตั้งจุดสกัด จำนวน 3 จุด และชุดควบคุมพื้นที่ปฏิบัติงานโดยใช้เครื่องจักร จำนวน 1 ชุด รวมถึงเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์และปฏิบัติการข่าวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการวางแผนเผชิญเหตุไว้ หากมีกรณีการรวมตัวกันของกลุ่มมวลชนในพื้นที่ และเข้าเผชิญหน้ากดดันคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการ ส่วนระยะเวลาดำเนินการรื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันจะทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย
“การรื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่หมดอายุการอนุญาต จำนวน 5,000 ไร่ครั้งนี้ กรมป่าไม้ได้ดำเนินการตามระเบียบครบทุกขั้นตอนของมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ส่วนการดำเนินการต่อไป กรมป่าไม้จะดำเนินการฟื้นฟู คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศ เพื่อให้มีสภาพป่ากลับคืนมา รวมถึงจะมีการประกาศให้พื้นที่บางส่วนเป็นป่าชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ต่อไป” หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ไพรกล่าว