“คีรี” ลั่นไม่ฮั้วสายสีเขียว ยันทำตามกฎหมาย ซัดถูกกลั่นแกล้ง จงใจทำเอกสาร ป.ป.ช.หลุด ขู่ฟ้องกลับใครทำเสียหายหุ้นดิ่ง ยันไม่หยุดเดินรถ ชี้ผ่าน 4 ผู้ว่าฯ กทม.ไม่มีปัญหา เชื่อเพราะปมประมูลสีส้ม พร้อมปัดจ่ายเงิน "ชูวิทย์" ออกมาแฉ
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ศูนย์ฝึกอบรมรถไฟฟ้าบีทีเอส สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส, พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) แถลงชี้แจงกรณี ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา บริษัท บีทีเอส เรื่องกระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง, สายสีลม สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และการต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585 ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทฯ อย่างมาก
นายคีรีกล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และยอมไม่ได้ อะไรที่ไม่ถูกต้องตนจะสู้ เพราะประวัติการทำงานไม่มีมลทิน รัฐบาลพยายามทำอะไรบางอย่าง เรื่องการจ้างบีทีเอสเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ผ่านผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว 4 คนทำไมไม่มีปัญหา ที่บริษัทยอมลงทุนเพราะเชื่อว่าเป็นการช่วยกทม.ในการเดินรถ ไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใคร ส่วนต่อขยายฝั่งธนบุรี ระยะทาง 2 กม. สร้างเสร็จแล้วมา 8 ปี แต่กลับไม่มีการเดินรถ
ส่วนต่อขยายนี้ กทม.ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานไปเอง การที่บริษัท เข้าไปรับจ้างเดินรถ แต่กลายเป็นปัญหาไปหมด ซึ่งตั้งแต่ผู้ว่าฯ ชัชชาติมารับตำแหน่ง และไม่ยอมจ่ายหนี้ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินให้ กทม.และเคทีจ่ายหนี้ดังกล่าว กทม. อุทธรณ์ตามสิทธิ แต่เป็นเรื่องที่ไม่คำนึงถึงบริษัทฯ ที่ควักเงินจ่ายค่าเดินรถทุกวันเพื่อให้บริการประชาชน
“พอเราทวงถาม กทม.ก็ให้ไปถามรัฐบาล พอถามรัฐบาล ก็บอกรอคำตอบ กทม. โยนกันไปมา ถึงวันนี้หนี้ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว“
นายคีรีกล่าวว่า "ปัญหานี้น่าจะเริ่มมาจากที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีการเปลี่ยนทีโออาร์กลางอากาศ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มีความเห็นแย้งสายสีเขียวมาตลอด ซึ่งมีมาตรา 44 ให้ไปดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของสายสีเขียว วันนี้เราจึงต้องการให้ใช้หนี้ 5 หมื่นล้านบาทคืนมา ผมมองว่าคงมีคนพยายามทำให้บีทีเอสอ่อนแอ"
กรณี ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา ไม่ห่วง เพราะบริษัททำถูกต้องตามกฎหมาย และหากเราถูกต้องผู้กล่าวหาโดนฟ้องกลับแน่นอน เมื่อมีเอกสารข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นเอกสารลับเผยแพร่ ทำให้ราคาหุ้นของบีทีเอสร่วง นักลงทุนตื่นตระหนก บริษัทเสียหาย ใครทำให้บริษัทเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ
"ผมยืนยันว่าจะไม่หยุดเดินรถแน่นอน เรายังไหวอยู่ บริษัทยังแข็งแรงพอ จะเดินรถต่อเนื่องช่วยผู้โดยสาร ตรงนี้ กทม.คิดถึงความเดือดร้อนของผู้โดยสารบ้างหรือเปล่า แม้พนักงานบีทีเอสจะไปเรียกร้องต่อรัฐบาลก็ตาม แต่บริษัทฯ จะเดินรถต่อไปแบบนี้ จะทำเพื่อประชาชน นอกจากรัฐบาลจะแกล้ง ใช้วิธีสกปรก ถ้าวันไหน บริษัทฯ อ่อนแอจะแจ้งประชาชนให้ทราบ จะได้รู้ธาตุแท้ของรัฐบาล ยืนยันว่าเราไม่มีพฤติกรรมฮั้วประมูล เพราะทำตามขั้นตอน"
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสัญญาจ้างเดินรถหรือไม่ นายคีรีกล่าวว่า ยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และยังคงเดินหน้าเดินรถเพื่อให้บริการผู้โดยสาร เพราะผู้โดยสารเป็นผู้มีพระคุณต่อบริษัทฯ คงไม่มีบริษัทใดในโลกที่ยอมให้ติดหนี้ 5 หมื่นล้านบาทโดยไม่ทำอะไรเลย แต่บริษัทฯแคร์ผู้โดยสาร จึงไม่หยุดเดินรถ พร้อมทั้งเดินหน้ากู้เงิน และจะมีรายได้จากสนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีชมพู ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2566 ประเมินมีรายได้จากค่าโดยสาร ทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี และรัฐจ่ายคืนเงินอุดหนุนค่าลงทุนงานโยธาตามสัญญา ของทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 4,700 ล้านบาท/ปี และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) งานระบบ O&M 2 สาย คือ M6 สายบางปะอิน-โคราช และ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ประมาณ 1,000 ล้านบาท/ปี
นายคีรีกล่าวว่า ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถ้าประมูลใหม่ ประเทศและประชาชนจะได้ประโยชน์ ถ้าราคาถูกกว่าผมแค่บาทเดียวเอาโครงการไปเลย ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในกระบวนการศาลปกครอง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อสู้
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กล่าวว่า ส่วนต่อขยายเดิม นายพิจิตต รัตตกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม. เสนอ ครม. 29 ก.พ. 2543 อนุมัติดำเนินการตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โดยเอกชนลงทุน 100% ต่อมา กทม.เปิดประมูล หาผู้ร่วมทุนฯ แต่ไม่มีเอกชนยื่นประมูล กทม.จึงเสนอ ครม.เมื่อ 26 ธ.ค. 2543 ขอเจรจาตรงกับบีทีเอสในฐานะผู้เดินรถสายหลัก เพราะเป็นระบบเดียวกันผู้โดยสารจะมีความสะดวก ในการเจรจานั้น บีทีเอสแจ้ง กทม.ว่าไม่สามารถลงทุน 100% ได้ขอให้รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหมือนรถไฟฟ้าสายอื่นในขณะนั้น ซึ่ง กทม.ได้รายงาน ครม.ไป ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าเรื่องร่วมลงทุนฯ ยุติแล้ว
สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานส่วนต่อขยายเอง และได้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีให้ บริษัท กรุงเทพธนาคม หรือเคที ดำเนินการ โดย เคทีว่าจ้างบริษัทให้เดินรถ ซึ่งระบุว่าไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ และถือเป็นการทำสัญญาจ้าง
"ถึงสิ้น ก.พ. 66 กทม.ค้างหนี้บริษัทรวมเกือบ 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นค่าจ้างเดินรถ 3 เส้นทาง 2.7 หมื่นล้านบาท ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า 2.28 หมื่นล้านบาท"
@ซัดมีคนจงใจนำเอกสาร ป.ป.ช.ลับออกเผยแพร่ ทำบริษัทเสียหาย ราคาหุ้นร่วง
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด ป.ป.ช. จึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานาน 11 ปีจึงแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่เรื่องการสอบสวนไม่ได้มีความซับซ้อน หลายข้อหาหมดอายุความไปแล้ว และการที่ใครบางคนนำเอกสารสำนวนการสอบสวนออกมาเผยแพร่ ถือว่ามีเป้าหมาย เพราะเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับ จึงมีความไม่ชอบมาพากล ส่งผลให้หุ้นของบริษัทฯ ตกลงทันที จึงขอถามกลับไปยัง ป.ป.ช.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ว่าเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ได้อย่างไร เพราะผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 13 รายได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบ
ขณะเดียวกัน ตั้งข้อสังเกตการโอนอำนาจจากคณะอนุกรรมการไต่สวน ไปเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ซึ่ง พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เอกสารดังกล่าวต้องรับผิดชอบ เพราะเอกสารเผยแพร่ได้อย่างไรทั้งๆ ที่เป็นเอกสารลับ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 13 รายได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำผิด
ทั้งนี้ เอกสารจาก ป.ป.ช.ที่ส่งให้ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่มีรายละเอียดใดๆ ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้บริษัทฯ จะทำหนังสือถึง ป.ป.ช.เพื่อขอทราบรายละเอียดในเรื่องพฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อต่อสู้ตามกฎหมายต่อไป
@ยันไม่รู้จัก "ชูวิทย์" และไม่เคยให้ข้อมูลสายสีส้ม
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำมาเผยแพร่นั้นมาจากบริษัทฯ หรือไม่ พ.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า เอกสารที่นำเผยแพร่ต้องบอกว่าไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว แต่นายชูวิทย์เป็นเพียงนักเล่าเรื่อง ทำให้เรื่องเข้าใจยากมาทำให้เข้าใจง่ายขึ้น และขอสาบานว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีการจ่ายเงินให้นายชูวิทย์มาเปิดเผยข้อมูลสายสีส้ม ทั้งนี้เอกสารเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีส้มได้มีการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการหลายชุด ไม่ได้เป็นความลับ อาจจะได้มาจากใครก็ได้ และหากมีใครรู้จักคุณชูวิทย์เป็นการส่วนตัว ก็อยากขอเบอร์ติดต่อคุณชูวิทย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พนักงานบีทีเอสจำนวนหนึ่ง ได้มายืนตะโกนด้านหน้าสำนักงานใหญ่ เพื่อให้กำลังใจนายคีรี พร้อมกับพูดว่า “บีทีเอสสู้ๆ” โดยนายคีรีได้ขอบคุณพนักงานและบอกว่า “สู้อยู่แล้ว”