ข่าวปนคน คนปนข่าว
**แฉให้สุดซอยไปเลย “ชูวิทย์” ช่วยบี้คดีสายสีเขียว-บิ๊กทหารเอี่ยวไม้ล้างป่าช้าให้ที
ฟังว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เตรียมจะไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบสวน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิไจไทย ในข้อหาซุกหุ้นกับนอมินี และใช้ หจก.บุรีเจริญคอนสตรักชัน ที่มีคนใกล้ชิดครอบครัวชิดชอบ มาประมูลงานในกระทรวงคมนาคม รวมทั้งบริจาคเงินให้พรรค 7.5 ล้านบาท และขอให้ ป.ป.ช.ยื่นเรื่องให้ ส.ว.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ช. บางราย
ไหนๆ ไป ป.ป.ช.ทั้งที และไหนๆ ปากก็พร่ำทำเพื่อประชาชน ไม่รับงานใคร “ชูวิทย์” ควรจะถือโอกาสนี้ ติดตามคดีที่ป.ป.ช.ชี้มูลสักคดีสองคดี ที่สังคมสนใจมาด้วยเป็นอย่างไร
คดีแรก ทราบว่า ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ มีข่าวว่า ป.ป.ช. ลงมติเสียงข้างมาก แจ้งข้อกล่าวหา “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” อดีตผู้ว่าฯ กทม.กับพวกรวม 13 ราย กรณีว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยง และไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนเพียงรายเดียว
ขอย้ำว่า เอกชนเพียงรายเดียว นะจ๊ะ “ชูวิทย์”
คดีนี้ กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอตรวจพยานหลักฐานแล้ว และรอว่า ป.ป.ช. จะสรุปยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 13 รายเมื่อใด เพราะคดีจะขาดอายุความในปีนี้
“ชูวิทย์” อย่ารอช้า รีบหาคำตอบมาให้ประชาชน เอกสารหลักฐานเรื่องนี้ไม่น่าจะยากเย็น ไม่ต้องลุยถั่ว ดำน้ำหาใบเสร็จ “เงินทอน” 30,000 ล้าน ที่ป่านนี้ยังหาไม่ได้ เหมือนสายสีส้ม
ตามข่าวเขาว่า ผู้ถูกกล่าวหา 13 ราย ได้แก่ 1. ม.ร.ว สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเพมหานคร 2. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร 3. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด 4. นายอมร กิจเขวงกุล กรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด 5. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัด กทม. 6. นางนินนาท ซลิตานนท์ รองปลัด กทม. 7. นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง 8. นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง 9. นายกฤษณ์ เกียรติพนชาติ ผู้อำนวยการกองการขนส่ง
10. นายคีรี กาญจนพาสน์ กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 11. นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 12. บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้รับจ้างในโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ตามสัญญาเลขที่ 1/2555 ลงวันที่ 6 พ.ค. 55 และผู้บริหารระบบ ในสัญญาการให้บริการเดินรถและช่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เลขที่ กร.ส. 006/2555 ลงวันที่ 3 พ.ค. 55 และ13. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการในสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เลขที่ กร.ส...6/2555 ลงวันที่ 3 พ.ค. 55
โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 13 ราย มีข้อกล่าวหาว่า กระทำทุจริตในการทำสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ระหว่าง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้ว่าจ้าง ในฐานะวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในเครือ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ผู้รับจ้าง เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 55 ในวงเงินกว่า 190,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการจ้างเดินรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง ประกอบด้วย
1. ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง) 2. สายสีลม (สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่) 3. ว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานี หมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี โดยให้สัญญาว่าจ้าง BTSC เดินรถทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว ไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585
ป.ป.ช. ระบุว่า การทำสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานที่ให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ได้หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 อีกทั้งการให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เข้าทำสัญญากับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) เป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว
เรื่องนี้สัญญามีมูลค่าสูงเฉียดสองแสนล้าน ถูก ป.ป.ช. ชี้มาแบบนี้ “ชูวิทย์” จะอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ได้เชียว ได้แสงเต็มๆ แฉให้สิ้นซากไปเลย
ไหนๆ ตั้งตัวเป็นปากเสียงเรื่องจับคนโกง น่าจะรู้เรื่องใหญ่เทียมฟ้า เรื่องนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
อีกเรื่องที่ “ชูวิทย์” ต้องไปตามให้สังคม และ ไล่แฉให้สุดซอย ก็คือ คดีที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 เห็นควรสั่งฟ้องเอง ในคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด GT200 และ Alpha (อัลฟา) 6 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จำนวน 4 สัญญา ที่ชี้มูลความผิดทางอาญา “พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” ส.ว. ในฐานะอดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากก่อนหน้าที่อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง โดยระบุว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟ้อง “พญ.คุณหญิงพรทิพย์” แต่ ป.ป.ช.เชื่อว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติให้ยื่นฟ้องเอง ขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักคดีเพื่อร่างคำฟ้อง ก่อนส่งฟ้องแก่ศาลที่เกี่ยวข้องต่อไป
คดีนี้มีข้อมูลออกมามากมาย นี่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจอมแฉอยู่แล้ว คำถามคาใจของสังคม ก็คือ ทำไม “คุณหญิงหมอ” จะโดน ป.ป.ช.ฟ้องอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดาย “บิ๊กทหารหาญ” ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล ที่ก็ผลาญงบจัดซื้อไม้ล้างป่าช้า GT200 เหมือนสถาบันฯ ไปไหนกันหมด
อย่าลืมว่า สถาบันฯ ที่คุณหมอพรทิพย์ทำงาน ในการซื้อเครื่อง GT200 ก็ซื้อตามกองทัพ “ชูวิทย์” ต้องไล่บี้ ไล่แฉ ผู้นำเหล่าทัพยุคนั้นอย่าง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” จะว่ายังไง
กล้าๆ หน่อย “ชูวิทย์” ประชาชนรออยู่ ลุยถามลุยบี้ “บิ๊กป๊อก” ให้หน่อย เก่งกับการไล่แฉตำรวจรับส่วยอาบอบนวด บ่อนพนัน แล้วลองเก่งกับทหารดูบ้างสิ
ดรามา ทำท่าบ้าบอเรื่องถนัด ทำได้ไม่ติดขัด ถ้าจัดให้กองทัพช่วย “คุณหญิงหมอพรทิพย์” สักครา นอกจากได้แสงแล้วยังได้ราคาขึ้นอีกจมเลย Chuweed.
**ผ่าง! เอาแล้วนักร้องเบอร์ 1 ขยับจี้ “ลุงตู่” ยกเลิกจ้าง BTS สัญญาส่วนต่อขยายสีเขียว ส่อโมฆะ!!
เป็นประเด็นต่อเนื่องหลังจากมีข่าว ป.ป.ช. ชี้มูลแจ้งข้อกล่าวหาแก่ 13 ราย ที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หรือที่รู้จักกันดีในบทบทบาท “นักร้อง” ผู้ร้องเรียนเรื่องต่างๆ เบอร์ต้นๆ ของประเทศ ประเภทจับเรื่องไหนขึ้นร้องเรียน เรื่องและคนเกี่ยวข้อง มักถึงแก่กาลอวสานรายนั้น
สำหรับคดี ป.ป.ช.ที่ว่า ฉายานักรัองเบอร์ 1 ได้เคลื่อนไหวยื่นหนังสือต่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียบโร้ย
เนื้อหาใจความ ระบุ ขอให้ตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รอบคอบ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน หรือไม่
“เรืองไกร” ขยายความถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในส่วนโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 มีประเด็นสำคัญที่ นายกฯ และ ครม.ต้องพิจารณาตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้
1. การดำเนินโครงการ ได้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รอบคอบ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนตามมติ ครม. วันที่ 8 ก.พ. 65 หรือไม่
2. โครงการได้รับอนุญาต หรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรี ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 โดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
3. มีเหตุต้องยุติการดำเนินการดังกล่าวตามความในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 ข้อ 4 หรือไม่
4. มีการทำสัญญาหรือนิติกรรมใด (โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมีผลให้สัญญานิติกรรมใด รวมทั้งสิทธิต่างๆ เป็นโมฆะ) หรือไม่
5. มีเจ้าพนักงานของรัฐ หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ใด รวมทั้งเอกชนรายใด ร่วมกระทำการหรือสนับสนุนการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 และมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง หรือไม่
6. มีการก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และขัดต่อวินัยการเงินการคลังของรัฐ หรือไม่
และ 7. เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 66 ปรากฏข่าวในเว็บไซต์สื่อมวลชนต่างๆ มีการนำเสนอสำเนาเอกสาร ป.ป.ช. ที่ระบุข้อความไว้ส่วนหนึ่งว่า “คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวน ในการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 มีมติอนุมัติให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 13 ราย
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ นายกรัฐมนตรี และ ครม.ตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในส่วนโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รอบคอบ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนหรือไม่
และกระทรวงมหาดไทย ได้มีการสั่งให้ยุติการดำเนินการโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และโครงการส่วนต่อขยายที่ 2ดังกล่าว หรือไม่ รวมทั้งเสนอแนวทางอื่นในการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ดังกล่าวต่อ ครม. หรือไม่
งานนี้ เมื่อ “เรืองไกร” ฉายานักร้อง เบอร์ 1 เคลื่อนไหวแล้วก็ย่อมไม่ธรรมดา...ใครจะดิ้นพราดๆ แหกปากร้องโอดครวญแทนนายจ้าง รับงานมาดิสเครดิต กรรมการ ป.ป.ช. พร้อมโกหกอยู่เสมอ ก็คนที่รู้ๆ กันอยู่ และได้โปรดติดตามอย่ากะพริบตา..ดรามาจากเจ้าเดิมมาแน่!!