ผู้จัดการรายวัน 360 - ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จัดงาน “Dolce Italia” ประจำปี 2023 มหกรรมสินค้าอิตาลีสุดยิ่งใหญ่แห่งปี นำเสนอสินค้าอิตาลีคุณภาพเยี่ยมกว่า 50 แบรนด์ ทั้งหมดส่งตรงจากอิตาลีให้ลูกค้าได้เลือกช้อปสินค้าอิมพอร์ตมาตรฐาน Made In Italy พร้อมอัปเดตเทรนด์ใหม่ล่าสุดในคอนเซ็ปต์ “The Party in Italian Garden”
ฯพณฯ เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย กล่าวถึงการจัดงาน “Dolce Italia” ประจำปี 2023 ครั้งนี้ว่า “ประเทศอิตาลีและไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นมายาวนาน ภายใต้ความร่วมมือที่ครอบคลุมหลากหลายด้าน ทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม วันนี้เราได้เดินหน้าสานต่อการเป็นพันธมิตรกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเพื่อนำเสนอแบรนด์สินค้าจากอิตาลีที่โด่งดังไปทั่วโลกให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ละแบรนด์ที่คัดสรรมาร่วมจำหน่ายในแคมเปญล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และหัตถศิลป์ชั้นเลิศของชาวอิตาลีในการออกแบบสินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์ความงาม ตลอดจนของใช้ของตกแต่งในบ้าน โดยการร่วมมือของเราในครั้งนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลอง 155 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับประเทศไทยได้อย่างยอดเยี่ยม เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการสานต่อความร่วมมือกับห้างเซ็นทรัลในครั้งนี้จะช่วยเสริมภาพลักษณ์อันดีของสินค้าคุณภาพจากอิตาลี พร้อมยังส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการขยายฐานลูกค้าของแบรนด์อิตาลีได้เป็นอย่างดี”
ด้าน จูเซปเป ลามัคเคีย ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้า แห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของอิตาลีและห้างเซ็นทรัล ว่า “สำหรับปี 2566 สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) ได้ร่วมงานกับห้างเซ็นทรัล ในแคมเปญ “Dolce Italia” ประจำปี 2023 หลังจากความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในปี 2564 โดย ห้างเซ็นทรัล มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกทั้งออฟไลน์และออนไลน์ของไทยที่มีศักยภาพในการส่งเสริมสินค้าของอิตาลีซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพสูงจากท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ยังเป็นกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่ร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างอิตาลีและประเทศไทยมาโดยตลอด โดยล่าสุด กลุ่มเซ็นทรัล ได้ร่วมการประชุม Italian-Thai Business Forum ครั้งที่ 8 เพื่อร่วมกำหนดความร่วมมือและการสานความสัมพันธ์ในหลากหลายมิติ อันจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างสองประเทศ เรามั่นใจว่าแคมเปญ ‘Dolce Italia’ ในครั้งนี้จะช่วยโปรโมตแบรนด์ยอดนิยมของอิตาลี ทั้งในหมวดหมู่แฟชั่น ความงามและน้ำหอม รวมถึงของใช้และของตกแต่งบ้าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
อิตาลีเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกชั้นนำของโลก โดยในปี 2565 ระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน มูลค่าการส่งสินค้าออกสู่ทั่วโลกทั้งหมดของอิตาลีอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี - ISTAT) ซึ่งการนำเข้าสินค้าจากอิตาลีของประเทศไทยมีมูลค่ารวม 62.156 พันล้านบาท โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ อิตาลีเป็นคู่ค้าอันดับ 22 ของประเทศไทย และมีมูลค่าการนำเข้าสูงขึ้น 0.94% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางการค้าของอิตาลีและไทยอย่างมหาศาล โดยการเสาะหาโอกาสทางการค้าเพิ่มเติมจะช่วยหนุนการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนสำหรับทั้งสองประเทศ งาน “Dolce Italia” ประจำปี 2023 จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการส่งเสริมยอดขายให้สินค้าแฟชั่นของอิตาลีในประเทศไทยตลอดทั้งปีนี้
อิตาลียังเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกสินค้าแฟชั่นที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมูลค่าการนำเข้าสินค้าแฟชั่นจากอิตาลีของประเทศไทยอยู่ที่ 25,609 ล้านบาทในปี 2565 โดยสินค้าแฟชั่นที่นำเข้ามา 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. เครื่องหนัง (มูลค่า 10,691 ล้านบาท เติบโต 31.99% เทียบกับปีก่อน) 2. เครื่องประดับเพชรพลอย (7,526 ล้านบาท เติบโต 1.34% เทียบกับปีก่อน) 3. รองเท้า (3,135 ล้านบาท เติบโต 14.26% เทียบกับปีก่อน) 4. เสื้อผ้า (1,724 ล้านบาท เติบโต 8.41% เทียบกับปีก่อน) และ 5. ขนสัตว์ (37 ล้านบาท เติบโต 0.64% เทียบกับปีก่อน) (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์)
คาดการณ์ว่าตลาดสินค้านำเข้าจากอิตาลีมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สินค้าแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ Made In Italy ในหมวดหมู่อื่นๆ ประสบความสำเร็จในระดับโลกมาจากคุณภาพสินค้า ความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ให้ความสำคัญกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และหัตถศิลป์ที่ประณีตพิถีพิถัน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่สะท้อนถึงความคลาสสิกในแบบอิตาลีได้เป็นอย่างดี โดยประเทศอิตาลีมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีการผลิตสินค้ามาโดยตลอด เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ตลาดทั่วโลกอยู่เสมอ สินค้าที่ผลิตในอิตาลีจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้าน โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน ประจำประเทศไทย ผ่านการจัดแคมเปญสุดพิเศษอย่าง “Dolce Italia” ประจำปี 2023 เพื่อให้นักช้อปชาวไทยและต่างชาติได้เต็มอิ่มกับการช้อปสินค้าคุณภาพจากอิตาลีในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ กว่า 75 ปีที่ผ่านมา ห้างเซ็นทรัล มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ ช้อปที่ดีที่สุดและนำเสนอสินค้าหลากหลายรูปแบบจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนทุก เจเนอเรชัน ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ เราได้ขนทัพสินค้าแบรนด์ดังและแบรนด์ใหม่มาแรงจากอิตาลีทั้งในหมวดแฟชั่น บิวตี้ ของใช้และของตกแต่งบ้าน ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจโดยไม่ต้องบินไปไกล โดยการร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำตำแหน่งของห้างเซ็นทรัลในฐานะ No.1 Shopping Destination ที่มีสินค้าแบรนด์แฟชั่นจากทั่วโลกโดยเฉพาะจากประเทศอิตาลีให้เลือกสรรอย่างครบครันอีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมายอดขายสินค้าแบรนด์อิตาลีคิดเป็น 11% ของยอดขายสินค้านำเข้าทั้งหมด และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เพื่อสร้างโมเมนต์แห่งความสุขที่ครบครันและคุ้มค่าสำหรับลูกค้า เราเนรมิตพื้นที่บริเวณชั้น 1 ของห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นมาร์เก็ตเพลสในสไตล์ Italian Garden ชวนลูกค้าอัปเดต เทรนด์แฟชั่น บิวตี้ และไลฟ์สไตล์จากอิตาลีกันอย่างเพลิดเพลินแบบครบจบในที่เดียว พร้อมจัดเต็มโปรโมชันและกิจกรรมสนุกๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ตลอดทั้งแคมเปญ ด้วยสัญญาณการฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิดที่เป็นไปในทิศทางบวก และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศคึกคักมากขึ้น เราคาดว่างาน “Dolce Italia” ประจำปี 2023 นี้จะช่วยกระตุ้นมู้ดการช้อปในช่วงท้ายของไตรมาสแรกและบูสต์ยอดขายสินค้าเมดอินอิตาลีในทุกหมวดหมู่ได้เป็นอย่างดี”
ธาพิดา นรพัลลภ ประธานบริหาร ฝ่ายบริหารสินค้ากลุ่มแฟชั่น บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เล่าถึงความพิเศษของแบรนด์สินค้าจากอิตาลี ว่า “อิตาลีถือเป็นศูนย์กลางสำคัญของแฟชั่น ศิลปะวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ โดยคุณค่าเหล่านี้สะท้อนออกมาผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากอิตาลี จึงทำให้แบรนด์อิตาลีเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกทั้งเรื่องดีไซน์และคุณภาพ ซึ่งห้างเซ็นทรัลถือเป็นจุดมุ่งหมายของเหล่านักช้อปที่รวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์ดังจากอิตาลีไว้อย่างครบถ้วน เรามีแบรนด์
คู่ค้าใหญ่ที่มาจากอิตาลี รวมถึงแบรนด์ที่ห้างเซ็นทรัลนำเข้าเอง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เช่น Emporio Armani, Moschino, Tod’s, Emilio Pucci, Max Mara, Furla, Diesel, Coccinelle, Sunnei, EA7 ฯลฯ รวมถึงแบรนด์บิวตี้ เช่น Gucci, Kiko, Bvlgari, Versace, Prada และ Valentino”
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่ที่ห้างเซ็นทรัลนำเข้ามาวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย อย่างแบรนด์ “GCDS Kids” แบรนด์เสื้อผ้าเด็กที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของเด็กๆ อันบริสุทธิ์ สดใส สนุกสนาน และขี้เล่น ผ่านการผลิตบนมาตรฐานสูงสุดของอิตาลี, “SUÈI” แบรนด์รองเท้าสไตล์ Everyday Luxury ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่บ่งบอกถึงรายละเอียดการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ‘Only Unique Shoes are Irreplaceable’ ด้วยความพิถีพิถันในการเลือกเฟ้นวัสดุไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือผ้าที่มีความเป็นมาในประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน ผสานเข้ากับศาสตร์แห่งงานฝีมือของชาวอิตาเลียน,
“Lanzetti” แบรนด์เครื่องหนังเก่าแก่ที่ถ่ายทอดรสนิยมอันล้ำเลิศและรุ่มรวยของชาวอิตาเลียน กระเป๋าทุกใบผลิตขึ้นโดยช่างผู้เชี่ยวชาญแบบ 100% Made In Italy, “Laboratorio Mariucci” แบรนด์กระเป๋างานหนังอิตาเลียนคุณภาพสูงสุด ผ่านฝีมือของปรมาจารย์ด้านการตัดเย็บที่มีความเชี่ยวชาญทั้งงานสร้างสรรค์และนวัตกรรมล้ำสมัย และแบรนด์ “Beach Vibes” แบรนด์ Beachwear Accessories จากมิลาน ครบครันด้วยหลากหลายไอเทมสำหรับชีวิตติดทะเล เช่น กระเป๋า กิโมโนสวมคลุมชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัว และแอ็กเซสซอรีอื่นๆ ทุกไอเท็มล้วนผลิตจากผ้าอัลตราไมโครไฟเบอร์คุณภาพสูงที่มีน้ำหนักเบา แห้งไว และพร้อมลุยไปกับคุณได้ทุกที่ และดีต่อสิ่งแวดล้อม และอีกหนึ่งไฮไลต์ในครั้งนี้ คือการนำเสนอสินค้าในหมวดหมู่ของใช้-ของตกแต่งบ้านส่งตรงจากอิตาลี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าจะได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกชอปสินค้าของแต่งบ้านหลากหลายแบรนด์อย่างครบครัน เช่น Alessi, Ballarini, Bialetti, Delonghi, RCR ฯลฯ
ภายในงานเรายังมีคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟ BIALETTI X DOLCE & GABBANA แฟชั่นแบรนด์สัญชาติอิตาเลียน ซึ่งจับมือร่วมกับแบรนด์หม้อชงกาแฟ Bialetti สร้างสรรค์หม้อกาแฟลวดลายพิเศษ โดยนำมาเปิดให้จองภายในงาน Central Dolce Italia ครั้งนี้เพียง 60 ชิ้นเท่านั้น
“การจัดงานครั้งนี้เป็นเสมือนเวทีสำคัญที่รวบรวมสินค้าอิตาลีกว่า 50 แบรนด์ไว้ในที่เดียว ที่สำคัญคือสินค้าทุกชิ้น ทุกแบรนด์ เป็นสินค้า Made in Italy การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานการผลิตและฝีมือแบบอิตาเลียนขนานแท้ ผ่านการคัดสรรมาให้ลูกค้าห้างเซ็นทรัลได้เพลิดเพลินกับการชอปปิ้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ อย่างสะดวกสบาย ดุจไปเดินชอปปิ้งถึงถิ่นในอิตาลีเลยทีเดียว เรามั่นใจว่าผู้ที่ชื่นชอบสินค้าคุณภาพและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์จะพบไอเท็มที่ถูกใจภายในงานนี้อย่างแน่นอน” ธาพิดากล่าวเสริม