xs
xsm
sm
md
lg

“โคโค” เชนญี่ปุ่นรุกบริหาร รร.ในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - "โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้" บริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบพร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ โคโคเทล, วิฟเทล, บาย โคโค และภายใต้แบรนด์เจ้าของโรงแรมเอง พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม 'โคโค รีวอร์ด' เผยมีพอร์ตบริหาร 20 โรงแรม กว่า 1,200 ห้อง เผยเป้าในปี 2570 เพิ่มเป็น 100 แห่ง เตรียมพร้อมเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากลใน 7 ทวีป 10 ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000 แห่ง

นายเรย์ มัทสึดะ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มต้นธุรกิจขึ้นในปี 2558 จากการบริหารโรงแรมแบรนด์ ‘โคโคเทล’ และมีการต่อยอดขยายธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในส่วนงานบริหารโรงแรมแบบครบวงจร ด้วยระบบการจัดการโรงแรมจากส่วนกลาง (Centralized and Property Operation Management) รวมถึงบริการ Sales & Marketing, Branding และอื่นๆ ก่อนมีการเติบโตและพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของโรงแรมในทุกเซกเมนต์
 
ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทได้ขยายการให้บริการและมีโรงแรมที่บริหารในมือมากกว่า 20 แห่งในประเทศไทย หรือ 1,200 ห้อง จนเกิดการต่อยอดครั้งสำคัญนำมาสู่การยกระดับจากเดิมที่เป็นเพียงแบรนด์โรงแรม ไปสู่การจัดตั้งบริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรอย่างเต็มตัว ในชื่อ ‘บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด’ (Koko Global Hospitality) พร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วยบริการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ ดังต่อไปนี้ 1. โคโคเทล (Kokotel) แบรนด์โรงแรม 3 ดาว ในคอนเซ็ปต์ Bed & Café สำหรับลูกค้ากลุ่มเพื่อนและครอบครัว 2. วิฟเทล (VIVTEL) แบรนด์โรงแรมพรีเมียมไลฟ์สไตล์ 4 ดาว
และ 3. บาย โคโค (by Koko) บริการบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร โดยบริหารภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมและแขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าร่วมลอยัลตีโปรแกรม ‘โคโค รีวอร์ด ’ ที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ด้วย เพื่อให้บริษัทมีมาตรฐานการบริหารโรงแรมและให้คำปรึกษาได้อย่างมืออาชีพ จึงได้ออกแบบโมเดลธุรกิจที่เรียกว่าการบริหารโรงแรมแบบจัดการจากส่วนกลาง หรือ Centralized and Property Operation Management ซึ่งจะรวมการจัดการไว้ที่สำนักงานใหญ่เพื่อบริหารโรงแรมในเครือทั้งหมด สามารถช่วยลดต้นทุนจากการว่าจ้างพนักงานและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของโรงแรม ตอบโจทย์โรงแรมขนาดกลางที่มีจำนวนห้องพักอยู่ระหว่าง 50-200 ห้อง ซึ่งแตกต่างจากการบริหารโดยแบรนด์โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีค่าบริการส่วนบริหารงานและมีค่าต้นทุนคงที่จากการว่าจ้างพนักงานประจำในโรงแรมสูง
 
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายทางธุรกิจในปี 2566 จะบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 8 แห่ง รวมเป็น 28 แห่งในปี 2566 และเป้าในปี 2570 จะเพิ่มพอร์ตโรงแรมไปสู่ระดับ 100 แห่ง ซึ่งขนาดของโรงแรมจะอยู่ประมาณ 70-150 ห้อง กระจายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงในแผนระยะยาว ภายในปี 2579 เตรียมพร้อมที่จะเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากลใน 7 ทวีป 10 ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000 แห่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น