กทท.ปักธงปี 66 ลุยพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ดิน 3 แปลง เร่งทีโออาร์นำร่อง มี.ค.นี้ เปิดประมูล 17 ไร่ ข้างสำนักงาน และแหลมฉบัง 90 ไร่ ผุด "ศูนย์บริการจุดพักรถบรรทุก" ครบวงจร
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ในปี 2566 กทท.เร่งรัดแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 3 แปลง ได้แก่ 1. ที่ดินพื้นที่ 17 ไร่ ติดอาคารสำนักงานของ กทท.(นอกรั้วศุลกากร) 2. ที่ดินพื้นที่ 15 ไร่ ข้างอาคารสำนักงานของ กทท.(นอกรั้วศุลกากร) บริเวณโกดังสเตเดียม 3. พื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ (นอกรั้วศุลกากร) โดยตั้งเป้านำร่องที่ดิน 17 ไร่ และท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ ภายในไตรมาส 1 ปี 2566 เนื่องจากมีความพร้อมที่จะพัฒนา
โดยอยู่ระหว่างจัดทำทีโออาร์ ซึ่งจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไป จากนั้นนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.ให้ความเห็นชอบและรายงานกระทรวงคมนาคมรับทราบแนวทางการดำเนินโครงการ คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนมี.ค. 2566 และได้ตัวเอกชนภายในกลางปี 2566
เบื้องต้นรูปแบบการพัฒนาที่ดิน 17 ไร่ ข้างสำนักงาน กทท.จะเป็นการให้เช่า มีระยะเวลาพัฒนาไม่ต่ำกว่า 30 ปี เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการเข้ามาลงทุนของเอกชน โดย กทท.จะได้รับค่าเช่าพร้อมผลตอบแทนการดำเนินงาน ประเมินเฉพาะค่าเช่า 30 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,800-2,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าทรัพย์สินที่จะมีการลงทุน เบื้องต้นจะเปิดกว้างให้เอกชนนำเสนอรูปแบบการพัฒนาโดยให้มีการสนับสนุนกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เพื่อใช้เป็น Marine Logistics Center และ Business Center City รวมทั้งใช้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ กทท.
ส่วนการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ บริเวณนอกรั้วศุลากากร พัฒนาเป็นจุดพักคอยสำหรับรถบรรทุก หรือ Track Parking มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหารถติด และสร้างรายได้ให้ กทท. โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ สำหรับรถบรรทุกที่เข้ามารอเวลารับ-ส่งสินค้าจากสายเรือ อยู่ระหว่างศึกษาประเมินระยะเวลา และค่าเช่าที่เหมาะสม เช่น 15 ปี บวกอีก 15 ปี หรือ 20 ปี บวกอีก 20 ปี เนื่องจากจะเป็นการเช่าพื้นที่พร้อมมีการบริหารจัดการด้วย
“ขณะนี้กำลังทำทีโออาร์ เพื่อวางเกณฑ์การประมูลวิธีที่เหมาะสมที่ดิน 17 ไร่ อาจจะเน้นตัดสินที่ข้อเสนอด้านราคาค่าเช่าผลตอบแทน ส่วนท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ อาจใช้หลักเกณฑ์ Price Performance เพราะมีเรื่องการบริหารจัดการด้วย”
@แนวโน้ม ศก.โลกชะลอตัว เร่งหาทางเพิ่มสัดส่วนสินค้าถ่ายลำ
ผอ.กทท.กล่าวถึงปริมาณเรือและตู้สินค้าในปี 2566 ว่า คาดการณ์ว่าจะเติบโตแบบชะลอตัว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี ปัจจัยที่ส่งผลมาจากทั้งภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ภาวะการแข่งขัน ความต้องการสินค้าทั่วโลก อัตราแลกเปลี่ยน ที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง มีความผันผวน อัตราค่าระวางลดลง สายเรือมีเรือขนาดใหญ่มากขึ้น สินค้าไม่เต็มลำทำให้มีการลดเที่ยวเดินเรือ ซึ่งสายเดินเรือประเมินว่าภาพรวมการขนส่งจะลดลงประมาณ 10-30%
ขณะที่ กทท.ยังคาดหวังว่าเป้าหมายการเติบโตปริมาณตู้สินค้าในอัตรา 3-5% ต่อปี ซึ่ง กทท.จะต้องพยายามรักษาอัตราการเติบโต และการหารายได้เพิ่มจากธุรกิจอื่นๆ เช่น หาทางเพิ่มสัดส่วนสินค้าถ่ายลำ (Transshipment) ให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีเพียง 1% เท่านั้น และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดขึ้นภายในปี 2566 เพื่อหารายได้มาชดเชยรายได้จากเรือและตู้สินค้าที่อาจจะเติบโตลดลง โดยปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564-กันยายน 2565) กทท.มีรายได้สุทธิ 16,074 ล้านบาท เปรียบเทียบจากปีก่อน เพิ่มขึ้น 2.77% มีกำไร 6,286 ล้านบาท
