“อินโนบิก” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 14% แตะ 7 พันล้านบาท มาจากการรับรู้รายได้ตามสัดส่วนถือหุ้นในโลตัส ฟาร์มาซูติคอล และการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง พร้อมจับมือองค์การเภสัชฯ เร่งสรุปแผนก่อสร้างโรงงานผลิตสารตั้งต้นยา (API) และโรงงานยารักษามะเร็งภายในปีนี้
นายบุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทอินโนบิก (เอเซีย) ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้มาจาก 2 ส่วน คือการรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน 37% ในบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical) คิดเป็นประมาณ 6,000 ล้านบาท และรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของอินโนบิกฯ ในปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 480 ล้านบาท
ทั้งนี้ อินโนบิกได้เปิดตัวและเริ่มวางจำหน่าย 2 ผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์อินโนบิก โปร เบต้า-กลูแคน พลัส (Innobic Pro Beta-Glucan+) ที่ร่วมดำเนินงานกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นำประโยชน์จาก เบต้า-กลูแคน พลัส ด้วยโพรโพลิส ซัลโฟราเฟนในผงบรอกโคลี วิตามินดี 3 วิตามินซี และเควอซิติน และผลิตภัณฑ์ อินโนบิก โพรไบโอติกส์ จีดี (Innobic Probiotics GD) ที่ได้ดำเนินงานร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) คัดเลือกเชื้อโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทยครั้งแรกเพื่อให้เหมาะกับคนไทย โดยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์จะช่วยเสริมสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมจำหน่ายที่ร้าน Lab Pharmacy ทุกสาขาและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ Innobic Official Shop บนแพลตฟอร์ม Shopee ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายตลาดในกลุ่มสินค้าอาหารสำหรับผู้ป่วยและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวงการสุขภาพจากนักวิจัยไทย
นายบุรณินกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมจัดตั้งโรงงานผลิตสารตั้งต้นยา (API) ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) คาดว่าจะได้ข้อสรุปจัดตั้งบริษัทได้ภายในไตรมาส 1/2566 เบื้องต้นใช้เงินลงทุนในเฟสแรกประมาณ 1,300 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้าง 3 ปี และจะใช้ระยะเวลาในการขึ้นทะเบียนยา คาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบสารตั้งต้นยาได้ประมาณปี 2570
ส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนกับ อภ.ตั้งโรงงานผลิตยารักษามะเร็ง ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมจะสร้างโรงงานให้อภ.เช่าใช้ ปรับเปลี่ยนเป็นการร่วมลงทุน เป็นโรงงานผลิตยารักษามะเร็งประเภทชีววัตถุ (ยาพุ่งเป้า) โดยอาจจะมีกลุ่มโลตัส ฟาร์มาซูติคอลเข้าร่วมลงทุนด้วย โดยสัดส่วนการถือหุ้นยังไม่สรุป คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
ปัจจุบันอินโนบิกกับ อภ.อยู่ระหว่างการพิจารณาการสรรหาเทคโนโลยีในการผลิตมีทั้งยุโรป และอินเดีย
ในปี 2565 ผลประกอบการอินโนบิกมีกำไร หลังจากรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นในโลตัส ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งในปี 2565 โลตัส ฟาร์มาซูติคอล มียอดขายปีที่แล้วอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และมีกำไร 2,000 ล้านบาท ทำให้อินโนบิกมีกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะรับรู้กำไรเพิ่มสูงขึ้นจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด