“จุรินทร์” คิกออฟโครงการพาณิชย์ลดราคา! Grand Sale ทั่วไทย ประเดิมที่เขตบางขุนเทียน เผยใน กทม.จะจัดทั้งหมด 5 จุด ต่างจังหวัดทุกจังหวัดรวม 274 จุดทั่วประเทศ ยกทัพสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ สินค้าไฮไลต์ ทั้งหมู ไก่ ไข่ ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาลทราย รวมกว่า 1,000 รายการ ลดสูง 60%
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงานพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน @กทม. ที่บริเวณถนนด้านข้างสํานักงานเขตบางขุนเทียน ว่า โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน มีการดำเนินการ 2 โครงการในช่วงนี้ คือ พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 22 (New Year Grand Sale 2023) จัดตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2565 ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2566 และกำลังดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคา! Grand Sale ทั่วไทย ซึ่งได้เปิดตัววันนี้ที่เขตบางขุนเทียน วันที่ 16-18 ม.ค. 2566 และในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดทั้งหมด 5 จุด ส่วนในต่างจังหวัดจะมีทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชน
สำหรับสินค้าที่จะนำมาลดราคาในโครงการพาณิชย์ลดราคา! Grand Sale ทั่วไทย จะลดสูงสุดถึง 60% มีบูทจำหน่ายสินค้าราคาถูก 150-200 บูท มีสินค้า 10 หมวดกว่า 1,000 รายการ โดยจะเปิดจำหน่ายรวม 274 จุดทั่วประเทศไทย โดยนอกจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ จะมีสินค้าไฮไลต์ เช่น หมูเนื้อแดง กิโลกรัม (กก.) ละ 150 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 55 บาท ไข่ไก่ 30 ฟอง แผงละ 90 บาท ข้าวสารหอมมะลิถุง 5 กก. ราคา 100 บาท ข้าวสารเจ้า 5% ถุง 5 กก. ราคา 80 บาท น้ำมันพืช ขวดละ 45 บาท น้ำตาลทรายถุงละ 18 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ได้ดำเนินการมาจนถึง Lot ที่ 22 สามารถลดภาระค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศรวม 22 Lot กว่า 10,000 ล้านบาท และได้มีส่วนช่วยเหลือประชาชนในยามที่โลกประสบภาวะเงินเฟ้อ และไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบราคาพลังงานสูงขึ้นมาก กระทบต้นทุนการผลิต แต่ไทยถือเป็นประเทศหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าหลายประเทศในโลก ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ที่เป็นโครงการรูปธรรมที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในจัดทำขึ้นภายใต้นโยบายที่ตนมอบ และได้มีส่วนลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงที่ผ่านมา
ทางด้านสถานการณ์เงินเฟ้อในปี 2566 คาดว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มปรับลดลงมา จากการที่ราคาสินค้าเริ่มอยู่ในภาวะทรงตัวและหลายรายการปรับลดลง โดยกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปกำกับดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มีราคาที่เป็นธรรม ไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะหากพบว่ามีการขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในข้อหาค้ากำไรเกินควร ซึ่งโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ