xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เคาะส่วนต่างข้าว งวดที่ 13 ชดเชย 3 ชนิด ชาวนารับเงิน 11 ม.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จุรินทร์” แจ้งข่าวชาวนา ส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 ออกแล้ว จ่ายชดเชยเหลือ 3 ชนิด หลังราคาข้าวขยับขึ้นต่อเนื่อง ข้าวเปลือกหอมมะลิรับสูงสุด ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชี 11 ม.ค.นี้ แจ้งชาวนา ตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หากไม่ถูกต้องรีบติดต่อ ธ.ก.ส.เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการโอนเงิน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 13 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2565-6 มี.ค. 2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่ายเพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย

โดยการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 1 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 14,022.95 บาท ชดเชยตันละ 977.05 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 13,678.70 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,510.36 บาท ชดเชยตันละ 489.64 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,834.24 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,798.11 บาท ชดเชยตันละ 201.89 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,056.70 บาท ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางอ้างอิงงวดนี้สูงกว่าราคาประกัน จึงไม่มีการชดเชยส่วนต่าง ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,008.74 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,491.98 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 12,000 บาท

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 11 ม.ค. 2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดที่ 13 นี้ จำนวน 6,407 ครัวเรือน

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทยให้ข้อมูลสถานการณ์ราคาข้าวช่วงนี้ว่า เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายเริ่มมีปริมาณน้อยลง ทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับตัวสูงขึ้น และผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสอดคล้องกับราคาตลาด เนื่องจากตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่จนถึงปัจจุบันมีความต้องการซื้อข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวขาวจากทางผู้ส่งออกและผู้รวบรวมสินค้า ส่งผลให้ทั้งราคาต้นข้าวและปลายข้าวมีราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากมีการสต๊อกสินค้าของผู้ส่งออก จึงมีการปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าสำหรับจัดเตรียมเพื่อการส่งออกตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ

สำหรับสถานการณ์ส่งออก ปี 2565 ที่ผ่านมาส่งออกได้ประมาณ 7.7 ล้านตัน สูงกว่าปริมาณเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ส่วนสถานการณ์ส่งออก ปี 2566 คาดว่ามีแนวโน้มส่งออกได้เพิ่มขึ้น ตามความต้องการข้าวไทยที่สูงขึ้น

ทางด้านการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ณ วันที่ 4 ม.ค. 2566 ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรในงวดที่ 1-12 แล้ว สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2565 จำนวน 2.572 ล้านครัวเรือน ส่วนการโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรที่ผ่านมาที่มีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้ว ทำให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สำเร็จลดลง โดยขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ-สกุลไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส.สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส.จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมฯ จะเพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใดไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569


กำลังโหลดความคิดเห็น