บุรีรัมย์- พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ร่วมสหกรณ์การเกษตรกระสังและภาคีเครือข่าย จัดงานตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต 2565/66 ครั้งที่ 1 เพิ่มทางเลือกและอำนาจต่อรองของเกษตรกรในการขายข้าวราคาที่เป็นธรรม และสูงกว่าท้องตลาดตันละ 300 -500 บาท มีชาวนานำรถบรรทุกข้าวเปลือกมาเข้าคิวรอขายคึกคัก
วันนี้ (21 ธ.ค.) สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด ผู้ประกอบการโรงสี และภาคีเครือข่าย เปิดตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต 2565/66 ครั้งที่ 1 ที่สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้กลไกตลาดในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรมีการแข่งขัน เกษตรกรมีทางเลือกและอำนาจต่อรองในการขายข้าวมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้การซื้อขายข้าวเปลือกเกิดความเป็นธรรมด้านราคา การชั่งน้ำหนัก และตรวจสอบคุณภาพข้าว อีกทั้งสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรในการจำหน่ายข้าวเปลือก เป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรสร้างอำนาจต่อรอง ให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ราคาสูงขึ้น
โดยการรับซื้อข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15% ในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป ตันละ 300-500 บาท ในกรณีที่ข้าวเปลือกมีความชื้นเกินปรับเปอร์เซ็นต์ละ 100 บาท อาทิ หากเป็นข้าวเปลือกหอมมะลิ ต้นข้าว 36 กรัม ตลาดนัดข้าวเปลือกก็จะรับซื้ออยู่ที่ประมาณตันละ 13,800 บาท สูงกว่าตลาดตันละ 300 บาท แต่ต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพและเปอร์เซ็นต์ต้นข้าวที่เกษตรกรนำมาเข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งการเปิดตลาดนัดข้าวเปลือกในครั้งนี้ได้มีชาวนานำรถบรรทุกข้าวเปลือกมาเข้าคิวรอขายอย่างคึกคัก
สำหรับโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 2565/66 กำหนดจัดจำนวน 3 ครั้ง ระยะเวลาการจัดแต่ละครั้งๆ ละ 3 วัน โดยครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 23 ธันวาคม 2565 ณ สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด ซึ่งมีผู้ประกอบการข้าวในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วม 5 ราย ครั้งที่ 2 จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมพาพันธ์ 2566 ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จำกัด ศูนย์ธุรกิจหนองหงส์ และครั้งที่ 3 จัดขึ้นช่วงต้นเดือนมีนาคม 2566 ณ สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด
นายสิงหชัย ผ่องบุรุษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดตลาดนัดข้าวเปลือกครั้งนี้ถือเป็นการสร้างทางเลือกให้กับเกษตรกร ให้มีอำนาจในการต่อรองราคาข้าวมากขึ้น ผ่านการชั่งน้ำหนัก ตรวจข้าวด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน จากเจ้าหน้าที่จากสำนักงานช่างตวงวัดจากจังหวัดสุรินทร์มาร่วมดำเนินการ และได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ 5 ราย ร่วมกันประมูลราคาข้าวเปลือกของเกษตรกรให้ได้ราคาสูงที่สุด
ด้านนายกฤษฎา หนูชิต เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกหอมมะลิมาเข้าร่วมโครงการตลาดนัดข้าวเปลือก ระบุว่า โครงการดังกล่าวช่วยให้ชาวนาสามารถขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น วันนี้ตนได้นำข้าวเปลือกมาขายกว่า 1 ตัน ได้เงินกลับบ้านไปกว่า 17,000 บาท และมีแผนที่จะทยอยนำข้าวอีก 8 ตันที่เหลือมาร่วมโครงการ ก็อยากให้มีโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้ในราคาที่สูงกว่าตลาด