กอน.มีมติเห็นชอบให้โรงงานทั่วประเทศเปิดหีบอ้อยได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป คาดมีอ้อยเข้าหีบทะลุ 100 ล้านตัน ขณะที่ราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 รอคณะกรรมการบริหารเร่งพิจารณา กอน.ถกอีกรอบ 6 ธ.ค.นี้เร่งพิจารณาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 64/65
นายวีรศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า การประชุม กอน.เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบกำหนดวันเริ่มต้นการเปิดหีบอ้อย ผลิตน้ำตาลทรายประจำฤดูการผลิตปี 2565/66 ของ 57 โรงงานทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากรัฐมีการประเมินถึงผลผลิตอ้อยฤดูการผลิตปีนี้อยู่ระดับ 106 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้เร็วขึ้นเล็กน้อยจากฤดูหีบที่ผ่านมาที่เปิดหีบวันที่ 7 ธ.ค. 64 พร้อมกันนี้ยังมีมติเห็นชอบกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายให้โรงงานผลิต (บัญชีจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายขั้นต้น) ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ออกประกาศบังคับใช้ต่อไป
นอกจากนี้ยังได้อนุมัติประมาณการรายจ่ายงบประมาณกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ประจำปี พ.ศ. 2566 จำนวน 462,907,185 บาท ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเสนอ รวมถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการวิจัยและส่งเสริมการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ที่เรียกเก็บจากชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทรายทุกเขตคำนวณราคาอ้อยตามที่ สอน.เสนอ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กอน.ครั้งนี้ยังไม่สามารถพิจารณาค่าจัดการจำหน่าย ผลตอบแทนการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย ต้นทุนการผลิตอ้อยและต้นทุนการผลิตน้ำตาลทราย เพื่อใช้เป็นองค์ประกอบในการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรที่ใช้ในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2565/2566 รวมไปถึงมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ อ้อยยอดยาว และอ้อยมีกาบใบฤดูการผลิตปี 2565/2566 เนื่องจากตามขั้นตอนจะต้องผ่านคณะกรรมการบริหาร (กบ.) แต่ กบ.ที่ผ่านมากรรมการบางส่วนหมดวาระกอน.จึงเพิ่งแต่งตั้ง โดยคาด กบ.จะเร่งประชุมเร็วๆ นี้
“กอน.จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 ธันวาคมนี้เพื่อพิจารณาวาระต่างๆ ที่เหลือโดยเฉพาะการเห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 64/65” นายวีรศักดิ์กล่าว
สำหรับราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 65/66 นั้น เบื้องต้นชาวไร่อ้อยเองก็มีแนวคิดในการจ่ายแตกต่างกันไปโดยใช้ค่าเฉลี่ยเท่ากันที่ 1,100 บาทต่อตันทุกเขต แต่มี 2 เขตที่ได้รับต่ำกว่าราคาดังกล่าวจึงมีการเสนอเป็น 2 ราคาที่ 1,100 บาทต่อตัน และ 1,060 บาทต่อตัน ขณะที่ภาคอีสานเสนอให้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เท่ากันตามประมาณการของแต่ละเขต ซึ่งราคาเฉลี่ยอ้อยขั้นต้นปี 2565/66 คำนวณแล้วจะปรับตัวดีขึ้นกว่าฤดูหีบที่ผ่านมาเล็กน้อย