SCGC เซ็นซื้อกิจการสัดส่วน 60% ในบริษัท Kras ที่ดำเนินธุรกิจการจัดการขยะใช้แล้วและเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงในประเทศเนเธอร์แลนด์ มูลค่า 2,100 ล้านบาท เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิลในยุโรป
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัท SCG Chemicals Trading (Singapore) Pte.Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) (SCGC) (SCC ถือหุ้นร้อยละ 100 ใน SCGC) ได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อกิจการสัดส่วนร้อยละ 60 ใน Recycling Holding Volendam BV( Kras) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจการจัดการขยะใช้แล้วจากประเทศเนเธอร์แลนด์ มูลค่าประมาณ 55.1 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,100 ล้านบาท โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2565
ในปี 2564 Kras มียอดขายรวม 92.7 ล้านยูโร (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) และกำไรสุทธิ 5.5 ล้านยูโร (ประมาณ 210 ล้านบาท) มีสินทรัพย์ 30.5 ล้านยูโร (ประมาณ 1,160 ล้านบาท) มีความสามารถในการจัดหาขยะพลาสติกและกระดาษใช้แล้วอยู่ที่ 160,000 และ 120,000 ตันต่อปีตามลำดับ ซึ่งเป็นขยะที่มีคุณภาพสูง สำหรับนำไปดำเนินการต่อในห่วงโซ่คุณค่า Circular economy นอกจากนี้ Kras มีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิต 9,000 ตันต่อปี และจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2566
การลงทุนในครั้งนี้จะเชื่อมโยงกับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิลของ SCGC ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้ SCGC เข้าสู่ธุรกิจพลาสติกรีไซเคิลครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บขยะ กระบวนการรีไซเคิลพลาสติก ตลอดจนการแปรรูปเม็ดพลาสติกและส่งมอบให้ลูกค้าในทวีปยุโรป โดยคาดการณ์ความต้องการเม็ดพลาสติกรีไซเคิลในทวีปยุโรปจะเติบโตในอัตราร้อยละ 10.6 ต่อปีในอีก 5 ปีตามการวิเคราะห์ของ Nexant Energy & Chemicals Advisory (NexantECA)
นอกจากนั้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยให้ SCGC สามารถต่อยอดองค์ความรู้ในธุรกิจ ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายของ Kras หลังจากการเข้าซื้อกิจการใน Sirplaste ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงในประเทศโปรตุเกสเมื่อเดือนเมษายน 2565
SCGC เป็นบริษัทผู้นำด้านธุรกิจเคมิคอลส์ในภูมิภาคอาเซียน ประกอบธุรกิจในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยมี 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1) ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน 2) มุ่งขยาย และสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเป็นผู้ประกอบธุรกิจไวนิล (Vinyl) ครบวงจร 3) เป็นผู้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green polymer) โดยมีแผนขยายธุรกิจในทวีปยุโรปและ 4) พัฒนาและเร่งการเติบโตของสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA)