xs
xsm
sm
md
lg

กกร.คงกรอบ GDP ปีนี้โต 3-3.5% หลังท่องเที่ยวฟื้นตัว จับตา ศก.โลกถดถอย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.คงกรอบการเติบโต GDP ปี 2565 3-3.5% หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งปีมีลุ้น 10 ล้านคนแต่ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงจากภาวะ ศก.โลกถดถอย เตรียมชงรัฐ  4 ประเด็นรับมือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า กกร.ยังคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2565 เช่นเดิม โดยคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะโตได้ 3-3.5% การส่งออกโต 7-8% และเงินเฟ้อทั่วไป 6-6.5% เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามการปรับตัวที่ดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าทั้งปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยงต่างชาติใกล้เคียงระดับ 10 ล้านคน ซึ่งมีส่วนจ้างงานและอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ระยะข้างหน้าจำเป็นต้องติดตามความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและทบทวนการถอนนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

“กกร.มีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจระยะข้างหน้า เพราะอัตราการเติบโต GDP ปี 2566 ได้ถูกปรับลดอย่างต่อเนื่องด้วยสถานการณ์ความเสี่ยงสูงหลายด้านและมีการทยอยลดบทบาทนโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพื่อให้เข้าสู่จุดสมดุล หรือ Policy Normalization ทำให้ไทยมีแรงส่งน้อยกว่าที่คาดไว้ การทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย การปรับขึ้นเงินนำส่ง FIDF สู่ภาวะปกติเป็น 0.4% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 เป็นต้น ซึ่งการทยอยลดบทบาทหลายมาตรการพร้อมๆ กันเสี่ยงที่จะกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจะส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น” นายสนั่นกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือประเด็นการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2564 วันที่ 13 ธันวาคม 2564 ซึ่งระบุอัตราภาษีสำหรับปีภาษี พ.ศ. 2565 โดยกำหนดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ไม่ได้ปรับลดลง 90% แต่มีผลเป็นเพียงการลดอัตราการจัดเก็บในระดับชั้นเดียว คือลดจากอัตราเพดานตามมาตรา 37 ลงมา แต่ยังไม่ได้ลดลงอีก 90% ตามมาตรา 55 ซึ่งจะทำให้ราคาประเมินใหม่รอบปี 2566-2569 ทั้งประเทศปรับขึ้นเฉลี่ย 8% ที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะครบกำหนด 3 ปีที่ต้องเพิ่มอัตราเก็บภาษีอีก 0.3% และ กทม.จ่อปรับอัตราเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมเต็มเพดาน 0.15% หรือเก็บเพิ่ม 15 เท่า ซึ่ง กกร.จะมีข้อเสนอถึงคุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาใน 4 ประเด็น ดังนี้

1. ขอให้พิจารณาแก้ไขอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือสร้างเสร็จที่ยังไม่ได้ขาย จากประเภทอื่นๆ เป็นประเภทที่อยู่อาศัย 2. พิจารณาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในบริการสาธารณะและสาธารณูปโภคในโครงการจัดสรรฯ และอาคารชุดที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งตามกฎหมายปัจจุบันจะไม่ได้รับการยกเว้น จึงขอเสนอพิจารณาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จากประเภทอื่นๆ เป็นประเภทที่อยู่อาศัย 3. พิจารณาปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่อไปอีก 2 ปี (ปี 2566 และปี 2567) โดยเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีแบบขั้นบันได ทั้งนี้ ในปี 2566 ขอลดหย่อน 75% และปีต่อไป 50% ตามลำดับ และ 4. พิจารณายกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และดอกเบี้ยสำหรับผู้ค้างชำระในปี 2565 โดยให้ผ่อนชำระในปี 2566

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า GDP ของไทยพึ่งพิงการส่งออกเกือบ 70% ดังนั้นข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA จะเป็นเครื่องมือในการสร้างแต้มต่อให้กับไทยซึ่งพบว่าคู่แข่งทางการค้าของไทย เช่น เวียดนาม มีการทำข้อตกลง FTA จำนวนที่มากกว่าไทยทำให้มีความได้เปรียบ กกร.จึงเห็นควรเร่งรัดให้ไทยเจรจา FTA ให้มากขึ้นควยคู่ไปกับการทำข้อตกลงมินิ FTA กับรัฐหรือมณฑลขนาดใหญ่ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้น

“เราได้เตรียมความพร้อมไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจครั้งที่ 4 ระหว่าง 13-18 พ.ย. 65 และเจ้าภาพการจัดงาน APEC CEO Summit 2022 ระหว่าง 16-18 พ.ย. ซึ่งเวทีนี้เราเองก็จะมีการหารือในเรื่องของ FTA ด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ปี 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยจะเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลางของระบบการเงินสำหรับภาคธุรกิจบนมาตรฐาน หรือ PromptBiz บนมาตรฐานการรับส่งข้อมูล ISO 20002 ซึ่งจะมีการเชื่อมต่อการนำส่งภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Invoice โดยจะมีการเชื่อมต่อกับการพัฒนา Digital Supply chain Finance Platform (DSCF) และ National Digital Trade Platform (NDTP) ที่ กกร.ร่วมขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น