“สินิตย์” เป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ระหว่าง 3 หน่วยงาน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการเกษตร และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยวิสาหกิจชุมชนทำบัญชีอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจ นำร่องคัดวิสาหกิจชุมชน 6 รายจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นต้นแบบให้รายอื่นนำไปปรับใช้
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานและสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมการวางระบบบัญชีให้แก่วิสาหกิจชุมชน ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการเกษตร และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ทั้ง 3 หน่วยงานจะเข้าไปช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งด้วยการจัดทำบัญชีให้ถูกต้อง ผ่านการใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปเพื่อช่วยบริหารธุรกิจได้อย่างง่าย และช่วยสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีที่ถูกต้องเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้สามารถขยายช่องทางการตลาดแก่วิสาหกิจชุมชนได้
“ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ตระหนักถึงการยกระดับวิสาหกิจชุมชนอย่างต่อเนื่อง มีโครงการช่วยเหลือตั้งแต่การช่วยเชื่อมโยงตลาด การสร้างโอกาสทางการค้า ช่วยยกระดับสินค้าชุมชน การทำคู่มือการจดทะเบียนนิติบุคคล แต่ก็พบว่ามีความท้าทายในการวิเคราะห์ธุรกิจ การบริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ การจัดทำบัญชีให้ถูกต้อง จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสะท้อนให้มองเห็นปัญหาของธุรกิจ จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ขึ้นมา เพื่อปิดช่องว่างและสร้างความเข้มแข็งให้กับวิสาหกิจชุมชน” นายสินิตย์กล่าว
ทั้งนี้ ในระยะแรกทั้ง 3 หน่วยงานจะทำการคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่มีความพร้อมและมีศักยภาพเพื่อเป็นต้นแบบ 6 ราย คัดเลือกมาจากแต่ละภูมิภาค เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับวิสาหกิจชุมชนที่กำลังก้าวเข้าสู่การพัฒนาได้ศึกษาความสำเร็จและนำไปปรับใช้ โดยวิสาหกิจชุมชน 6 ราย ได้แก่ 1. ภาคกลาง รังไหมประดิษฐ์ จังหวัดสระบุรี 2. ภาคตะวันตก ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลไร่มะขาม จังหวัดเพชรบุรี 3. ภาคตะวันออก มังคุดแปลงใหญ่คิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น 5. ภาคใต้ หัตถกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง และ 6. ภาคเหนือ พัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ จังหวัดลำพูน
ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการอนุมัติจดทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร จำนวน 82,500 รายทั่วประเทศไทย และเป็นนิติบุคคลจำนวน 1,300 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 650 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการผลิตสินค้าในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น อาหาร ของใช้ และสมุนไพร และการให้บริการ เช่น การท่องเที่ยว และสุขภาพ เป็นต้น
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ ได้เดินหน้าส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง โดยได้จัดกิจกรรมสร้างความรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียนนิติบุคคล การทำบัญชีและภาษี รวมถึงร่วมกับสมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพจัดอบรมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบทางกฎหมายของวิสาหกิจชุมชน และเข้าไปช่วยแนะนำการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้แก่วิสาหกิจชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 308 ราย ส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ กรมฯ จะเสริมองค์ความรู้ให้วิสาหกิจชุมชนสามารถจัดทำบัญชีและปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายบัญชี และมีเครื่องมือโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปมาช่วย รวมไปถึงการสร้างทักษะการบริหารธุรกิจให้เป็นมืออาชีพ และขยายช่องทางการค้าให้กว้างขึ้น
นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้วิสาหกิจชุมชนตระหนักและรับรู้ถึงความสำคัญของการจัดทำบัญชี นำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการ ตลอดจนช่วยเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและขยายช่องทางการตลาดให้แก่วิสาหกิจชุมชน อีกทั้งยังเป็นการช่วยยกระดับศักยภาพและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งจนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
รศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จะช่วยสนับสนุนการวางระบบบัญชีให้กับวิสาหกิจชุมชน พร้อมกับการจัดทำบัญชีให้เหมาะสมกับวิสาหกิจชุมชนด้วยโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปอย่างง่าย เพื่อนำข้อมูลมาใช้บริหารและตัดสินใจทางธุรกิจ มากไปกว่านั้น ยังสร้างประสบการณ์การทำงานของนิสิตให้มีโอกาสทำงานจริงกับวิสาหกิจชุมชน รวมถึงช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ ให้ตรงต่อความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นิสิตที่เป็นรุ่นใหม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนไปพัฒนาและแก้ปัญหาให้วิสาหกิจชุมชนได้จริง