กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดอบรมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเร่งพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาทักษะการบริหารจัดการธุรกิจ ยกระดับธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของไทยให้เป็นที่ยอมรับ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้พร้อมรองรับสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ เปิดรับสมัครผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 2 พฤศจิกายน 2565
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า จากอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบธุรกิจไทยควรเริ่มติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนไปของโครงสร้างและพฤติกรรมของสังคมผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร การหากิจกรรมที่เหมาะสม การก่อสร้างที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องการคนดูแลช่วยเหลือ รวมถึงสถานที่ตั้งของธุรกิจควรจะอยู่ใกล้สถานพยาบาล เพื่อความรวดเร็วในการเดินทางของผู้สูงอายุในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการด้านสุขภาพซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระดับสากล
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการบริหารจัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การจัดทำแผนธุรกิจ บัญชี ภาษีและกฎหมาย การทำการตลาดออนไลน์ นวัตกรรมดิจิทัล และในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสทางการตลาด และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจในเชิงลึกและสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ กรมฯ เตรียมจัดอบรมหลักสูตร “Smart Senior Care Business” ระหว่างวันที่ 10 - 11 พฤศจิกายน 2565 โดยเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สำคัญ อาทิ นายแพทย์เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home ดร.รณพรหม ชุนงาม กรรมการผู้จัดการบริษัท จีเนียส โค้ชชิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด และคุณศิริพัฒน์ กล่ำกลิ่น CEO บริษัท ดิจิตอลเอเจนซี่ จำกัด เพื่อให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยสามารถ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการบริหารจัดการ
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีความน่าสนใจและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในระยะยาว ผู้ที่สนใจจะเริ่มลงทุนทำธุรกิจจึงควรศึกษามาตรฐานของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้ดี เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจที่ตนเองมีความสนใจ และสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน อธิบดี กล่าวสรุป
ปัจจุบัน มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่จดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 589 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,168.26 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจำนวน 888.07 ล้านบาท
ข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรจำนวน 66,171,439 คน จำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 60 - 150 ปี) จำนวนทั้งสิ้น 12,241,542 คน หรือ ร้อยละ 18.50 แบ่งเป็นเพศชาย 5,424,781 คน เพศหญิง 6,816,761 คน กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงสุด 1,171,900 คน รองลงมา คือ นครราชสีมา 495,452 คน เชียงใหม่ 379,118 คน ขอนแก่น 340,855 คน อุบลราชธานี 303,720 คน และคาดว่าในปี 2573 จะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.57 ของประชากรทั้งหมด
สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนพัฒนาเครือข่ายธุรกิจบริการ กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร 0 2547 5985 เว็บไซต์ www.dbd.go.th และ Facebook กองธุรกิจบริการ