ทล.เอ็มโอยู 2 สภาวิชาชีพร่วมมือด้านวิชาการตรวจสอบหลักวิชาชีพเชิงลึกเรียกเชื่อมั่น หลังเหตุสะพานกลับรถถนนพระราม 2 ถล่ม "ศักดิ์สยาม" เผยเตรียมขยายไปทุกหน่วยงานที่มีการก่อสร้าง
วันที่ 30 ก.ย. 2565 ณ โถงอาคารชั้น 1 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) สภาวิศกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงฯ หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ โดยมี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร และนายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรมในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ทล. สภาวิศกร และ วสท. ในการบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรมให้ครอบคลุมในทุกมิติด้านงานวิศวกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางของประชาชน ซึ่งจากกรณีที่อุบัติเหตุคานสะพานกลับรถร่วงหล่นบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม. 34+000 บริเวณสะพานกลับรถใกล้โรงพยาบาลวิภาราม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พังถล่ม เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ซึ่งถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมขนส่งสู่ภาคใต้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความไม่มั่นใจในการเดินทางของประชาชน กระทรวงฯ จึงให้ความสำคัญต่อโครงสร้างของสะพานที่อยู่ในความรับผิดชอบทั่วประเทศกว่า 17,000 แห่ง
สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้มีขอบเขตความร่วมมือ ประกอบด้วย 1) ความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคม 2) สนับสนุนการพัฒนาวิชาการและวิชาชีพด้านวิศวกรรมให้แก่บุคลากรให้ครอบคลุมในทุกมิติด้านงานวิศวกรรม ทั้งงานก่อสร้างถนน สะพาน งานสิ่งแวดล้อม งานความปลอดภัย และงานด้านอื่นๆ รวมถึงสร้างมาตรฐานวิชาชีพในการทำงานของบุคลากรด้านวิศวกรรม 3) แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรมระหว่าง 3 หน่วยงาน 4) สนับสนุนและพัฒนาให้บุคลากรด้านวิศวกรรมมีความรู้ ความสามารถ และเพิ่มประสบการณ์ในงานที่รับผิดชอบ
ในการดำเนินงานยังต้องให้การสนับสนุนและแนะนำงานทางด้านวิศวกรรม รวมถึงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในการพัฒนาบุคลากร ให้คำปรึกษาและคำแนะนำร่วมกับคณะอนุกรรมการโครงสร้างและสะพานจากวิศกรผู้เชี่ยวชาญของ วสท. ในการตรวจสอบ และบูรณะถนน/สะพานในความรับผิดชอบของ ทล. อีกทั้งเป็นการแสดงถึงการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เพื่อให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างสูงสุด
"สภาวิชาชีพจะเข้ามาช่วยกัน เป็นThird Party เพิ่มความรอบคอบรัดกุมตามหลักวิชาชีพวิศวกรรมยิ่งขึ้นไปอีก ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ก่อสร้าง และหลังโครงการเสร็จ ยังต้องมีการมอนิเตอร์ ติดตามการดูแลรักษา ซึ่งบุคลากรในแขวง เขตทางหลวงของกรมทางหลวงได้มีการทำงานตรวจสอบเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าบุคลากรกรมทางหลวงไม่มีความรู้ แต่เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น โดยทางสมาคมวิชาชีพมีการใช้เครื่องมือที่จะช่วยตรวจเชิงลึก โครงสร้าง และความแข็งแรง นอกเหนือจากการตรวจสอบจากภายนอก เพราะสะพานอายุใช้งานเกิน 25 ปี หรือบางแห่งอยู่ใกล้ทะเล มีความเค็มกัดกร่อน บางแห่งมีปริมาณรถมาก มีผลต่อการเสื่อมของโครงสร้าง เป็นต้น"
สำหรับเหตุสะพานกลับรถถนนพระราม 2 ต้องยอมรับว่าเป็นความบกพร่อง ซึ่งกรมทางหลวงอยู่ระหว่างสอบสวนวินัยเจ้าหน้าที่ 3 คนตามระเบียบ ส่วนการซ่อมบำรุง จะมีการหล่อสะพานกลับรถมาสำเร็จ ซึ่งตามแผนจะนำมาติดตั้งในวันที่ 30 ต.ค.-4 พ.ย. 2565 โดยจะมีการปิดจรจาช่องทางหลักเพื่อดำเนินการ
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ความร่วมมือกับกรมทางหลวงเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งจะขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ของกระทรวงคมนาคมด้วย ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมครบทั้ง 4 มิติการเดินทาง (บก ราง น้ำ และอากาศ) ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการขนส่งและการเดินทางต่อเนื่องอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน จะมีการก่อสร้างอีกจำนวนมาก การดำเนินงานที่ปลอดภัยตามหลักวิชาชีพจะสร้างความเชื่อมั่นให้คนในประเทศ รวมถึงต่างประเทศ
