Meat Zero: มีทซีโร่ ส่งผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-Based) เอาใจคนรักสุขภาพ อร่อยแบบไม่มีคอเลสเตอรอล ไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง เหมาะสำหรับ “เทศกาลกินเจ” ได้บุญดีต่อจิตใจ ได้ดูแลสุขภาพ และร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม
ดร.ลลานา ธีระนุสรณ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการรับประทานอาหารเจ และมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน โดยเดินหน้าพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมีความสุขในการรับประทานอาหาร สำหรับเทศกาลกินเจในปีนี้ ผลิตภัณฑ์มีทซีโร่จากซีพีเอฟที่วางจำหน่ายมีทั้งอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมรับประทาน ทั้งหมด 9 เมนู ได้แก่ เกี๊ยวซ่าจากพืช เกี๊ยวซ่าซอสกลิ่นยูซุ ไส้กรอกวุ้นเส้นเจ โบโลนาเจรสพริก ข้าวผัดคะน้าปลาเค็มพริกสดเจ ราเมนผัดพริกเผาเจ วุ้นเส้นอบทรงเครื่องเจ หมูกรอบจากพืช และเนื้อบดจากพืช ซึ่งทั้งหมดดีต่อสุขภาพ เพราะไม่มีคอเลสเตอรอล ไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูงดีต่อระบบขับถ่าย ที่สำคัญยังมีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ ดังนั้นผู้บริโภคที่รับประทานอาหารเจจากโปรตีนทางเลือกจะได้รับปริมาณโปรตีนเทียบเท่ากับการรับประทานอาหารในมื้อปกติ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์มีทซีโร่ยังใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ตอบโจทย์คนรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม
“ซีพีเอฟนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนวัตกรรมขั้นสูงเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตแพลนต์เบส การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เนื้อจากพืชที่มีเนื้อสัมผัส รูปร่างหน้าตา รสชาติ คุณภาพและความอร่อยที่เสมือนเนื้อสัตว์จริงต้องอาศัยการทำวิจัยและพัฒนาเชิงลึก นอกจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารซีพีเอฟ หรือ CPF RD Center แล้ว บริษัทได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพทั่วโลก รวมถึงศูนย์วิจัยชั้นนำระดับโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เพื่อพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง” ดร.ลลานากล่าว
ผลิตภัณฑ์ Meat Zero ทำจากโปรตีนจากพืช เช่น โปรตีนจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และถั่วลันเตา ซึ่งมาในรูปแบบโปรตีนที่แตกต่างกัน ทั้งแบบผงคอนเซนเทรต (Protein Concentrate) แบบผงไอโซเลท (Protein Isolate) และแบบ Textured Vegetable Protein (TVP) ดังนั้นการเลือกใช้โปรตีนในแต่ละรูปแบบจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
ดร.ลลานากล่าวอีกว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องผ่านกระบวนการมากมาย ก่อนวางจำหน่ายต้องมีการทดลองชิมรสชาติก่อนจากผู้เชี่ยวชาญในศูนย์วิจัย เพื่อทดสอบว่าสินค้าตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ และมีการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในท้องตลาดว่าสินค้ามีความอร่อยและคุณภาพเป็นอย่างไร จากนั้นจะให้ลูกค้าชิมในเบื้องต้นว่าชื่นชอบในรูปแบบและรสชาติ โดยใช้ความคิดเห็นของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องการและจะมีความสุขในการรับประทานด้วย
สำหรับภาพรวมของตลาดแพลนต์เบส ทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผู้บริโภคส่วนใหญ่คำนึงถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงหันมารับประทานแพลนต์เบสมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในต่างประเทศตลาดเติบโตขึ้นปีละ 15% ในส่วนของสินค้า Meat Zero ตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และต่อมาในเดือนพฤศจิกายนได้วางจำหน่ายที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน สำหรับในปีนี้ซีพีเอฟมีแผนที่จะวางขายในประเทศโซนเอเชียเพิ่มขึ้น รวมไปถึงทวีป ยุโรป และอเมริกา
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำสำหรับผู้บริโภคที่จะเลือกซื้ออาหารแพลนต์เบส ให้คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการเป็นหลัก และสังเกตฉลาก วันเดือนปีผลิตและวันหมดอายุบนผลิตภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์มีทซีโร่มีโปรตีนเทียบเท่าเนื้อสัตว์ ไม่มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ผลิตด้วยมาตรฐานสากล อย่าง GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต สามารถรู้แหล่งที่มาที่ไปของวัตถุดิบได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
การันตีคุณภาพและความอร่อยของผลิตภัณฑ์ Meat Zero ด้วยรางวัล "THAIFEX-ANUGA Taste Innovation Show 2022" ในงาน Thaifex-Anuga World of Food Asia 2022 จากนวัตกรรม PLANT-TEC และรางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2022” หรือ Superior Taste Award 2022 โดยสถาบันชั้นนำของโลก International Taste Institute ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม จากสินค้านักเก็ตและไส้เบอร์เกอร์รสกระเทียม ซึ่งเป็นรางวัลที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องผ่านการลองลิ้มชิมรสจากเชฟ มิชลินสตาร์ และต้องได้รับการโหวต โดยผลิตภัณฑ์ Meat Zero ได้รับการโหวตในระดับสูงสุด 3 ดาว ซีพีเอฟยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและวิจัยผลิตสินค้ามีทซีโร่ให้มีความหลากหลาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกมากขึ้น โดยจะทำให้มีความอร่อยเพิ่มขึ้น เพิ่มความฉ่ำให้กับสินค้า และทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติให้เสมือนเนื้อสัตว์ให้มากที่สุดต่อไป