จ้างเอกชนวิ่ง รถเมล์ EV 224 คันสะดุด สำนักงบประมาณชี้เข้าข่ายใช้งบลงทุน ขสมก.เตรียมงัดแผน 2 เปิด PPP ดึงเอกชนร่วมบริการ เป็นแพกเกจใหญ่ เลื่อนแผนมีรถใหม่เป็นปี 66 พร้อมสรุปแผนฟื้นฟูฉบับใหม่เสนอ คนร.ใน ธ.ค.นี้
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการประกวดราคาจ้างเหมาบริการเดินรถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 224 คัน วงเงินประมาณ 967 ล้านบาท ว่า ขสมก.กำหนดเป็นแผนนำร่องระยะสั้นเพื่อเร่งจัดหารถมาให้บริการ โดยใช้งบดำเนินงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำทีโออาร์ แต่เนื่องจากต้องสอบถามไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2565 สำนักงบประมาณมีหนังสือตอบกลับว่าให้ ขสมก. พิจารณาดำเนินการตามงบลงทุนตามระเบียบรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจน โดยเห็นว่า การจัดหารถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 224 คัน ไม่ใช่การใช้งบรายจ่ายประจำของ ขสมก.มาดำเนินการ ซึ่งจะเข้าข่ายงบลงทุนที่จะต้องทำตามขั้นตอน คือเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ขสมก.จะต้องนำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม และเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเข้าสู่การพิจารณาขออนุมัติงบลงทุนต่อไป ซึ่งคาดว่าปลายปี 2565 จะมีความชัดเจน
@งัดแผนสองเปิด PPP ดึงเอกชนร่วมดำเนินการจัดหาบริการ
นายกิตติกานต์กล่าวว่า หากการพิจารณาสุดท้าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ขสมก.สามารถใช้งบดำเนินการจัดหารถโดยสารไฟฟ้า 224 คันได้ ขสมก.จะเดินหน้าเร่งเปิดประมูลในต้นปี 2566 แต่หากต้องใช้งบลงทุนดำเนินการ อาจจะเป็นภาระด้านงบประมาณของรัฐ ขสมก.ได้เตรียมแผน 2 โดยจะปรับแผนไปเป็นรูปแบบเป็นการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
ขณะนี้ได้เริ่มศึกษาเบื้องต้นมา ประมาณ 2-3 เดือน ว่าจะให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการในส่วนใด ทั้งจำนวนรถที่จัดหา เส้นทางที่เหมาะสม รวมถึงเอกชนจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร และ ขสมก.ได้รับผลตอบแทนอย่างไร ส่วนจำนวนรถโดยสารไฟฟ้าคงจะเพิ่มจาก 224 คัน โดยต้องมองในภาพรวม เนื่องจากเอกชนต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการจัดหารถโดยสาร รวมไปถึงอาจจะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย ค่าเชื้อเพลิง ค่าเหมาซ่อม แทน ขสมก.
ซึ่งจะสรุปการศึกษาเบื้องต้นสิ้นปี 2565 และเสนอตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ 2562 โดยเสนอกระทรวงคมนาคม และสคร.ต่อไป เมื่อได้รับเห็นชอบบอร์ด PPP ขสมก.ต้องกลับมาจ้างศึกษารายละเอียด PPP คาดว่าจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 18 เดือน
“หากต้องใช้รูปแบบ PPP ขสมก.ยังเป็นเจ้าของเส้นทางทั้งหมด 107 เส้นทาง โดยจะให้เอกชนเข้ามาร่วมเดินรถ ภายใต้ความคุ้มค่า และการบริการที่มีคุณภาพ ดังนั้น การศึกษาจะต้องวิเคราะห์เส้นทาง การบริหารจัดการที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่าและบริการที่ดีตามเป้าหมาย”
ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารประจำทาง จำนวน 2,885 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารธรรมดา (ครีม-แดง) จำนวน 1,520 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 1,365 คัน วิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถ จำนวน 127 เส้นทาง เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน ทั้งในสถานการณ์ปกติ และสถานการณ์น้ำท่วมขัง ซึ่งรถแท็กซี่ และรถตู้โดยสารไม่สามารถวิ่งให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังมีปัญหาที่ต้องดำเนินการแก้ไขในขณะนี้ คือการขาดแคลนพนักงานขับรถประมาณ 300 คน พนักงานเก็บค่าโดยสาร 300 คน ซึ่งกำลังพิจารณารับเพิ่มเติม ให้สอดคล้องรายได้ที่จะสามารถบริหารจัดการได้ และการปรับปรุงรถที่สภาพเก่าทรุดโทรมให้มีสภาพพร้อมใช้รองรับการให้บริการได้ตลอดเวลา
“ตอนนี้คงเน้นใช้รถเก่า และปรับปรุงสภาพเพื่อให้วิ่งบริการได้เพียงพอ ซึ่งปรับปรุงไปแล้ว 323 คัน ส่วนการจัดหารถโดยสารไฟฟ้า ขณะนี้ยอมรับว่าอาจต้องปรับใหม่ แต่จะต้องมีทดแทนรถเก่าแน่นอน ขสมก.มีเป้าหมายพยายามลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ บริการให้ประชาชนได้รับความสะดวก ลดการร้องเรียน และในปี 2566 ต้องมีรถโดยสารไฟฟ้ามาให้บริการ” ผอ.ขสมก.กล่าวว่า
@แผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับปรับปรุงใหม่ (แผนขับเคลื่อน) เสร็จแล้ว
สำหรับแผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับปรับปรุงใหม่ (แผนขับเคลื่อน) เมื่อเดือน มิ.ย. 2565 อนุคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มีมติให้ ขสมก.ปรับปรุงรายงานฉบับสมบูรณ์ ซึ่งล่าสุดได้ทำเสร็จแล้ว และเตรียมเสนอไปยังอนุฯ คนร.ภายใน 30 ต.ค. จากนั้นจะเสนอบอร์ด ขสมก.เห็นชอบใน พ.ย. และเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอ คนร.พิจารณาในปลายปี 2565
โดยแผนใหม่จะเน้นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น อู่บางเขน มีนบุรี อู่หมอชิต พัฒนาเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม แผนฟื้นฟู ขสมก.เดิมจะมีการจัดหารถโดยสารใหม่ 3,000 คัน จากเดิมที่มีทั้งการซื้อ เช่า และปรับปรุงรถเก่า ได้ปรับแผนเป็น การเช่ารถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน พร้อมบริการซ่อมบำรุง โดยจ่ายค่าเช่าตามระยะทาง (กม.) ที่วิ่งบริการจริง และแผนล่าสุด ปรับเป็น รถไฟฟ้า (EV) ทั้งหมด 3,200 คัน
@ครบรอบ 46 ปี เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ “รถเมล์ของทุกคน”
วันที่ 1 ต.ค. 2565 องค์กรครบรอบ 46 ปี ซึ่งได้เปิดวิสัยทัศน์การทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า นั่นคือ “รถเมล์ของทุกคน” เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการให้บริการรถโดยสารประจำทางแก่ประชาชนทุกกลุ่ม (เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ) อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเชื่อมโครงข่าย ในราคาที่เป็นธรรม โดยมีคำขวัญประจำองค์กร คือ “ขสมก.ใส่ใจ ก้าวสู่ยุคใหม่ บริหารโปร่งใส พร้อมให้บริการ” เพื่อแสดงออกถึงความยึดมั่นในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล โดยรวมไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนน คนเดินทางเท้า ประชาชนที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์หรือรถเมล์ไปมีผลกระทบ เช่น อู่รถเมล์ตั้งใกล้ชุมชนอาจเกิดมลพิษหรือความเสียหาย ขสมก.พร้อมดูแลและรับฟังความต้องการของประชาชน
