“CASETiFY” (เคสทิฟาย) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก เนรมิต CASETiFY Pop-Up Store แห่งแรกกลางกรุงเทพฯ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ (Central World) 26 กันยายน 2565-25 มีนาคม 2566
เวสลีย์ อิ้ง (Wesley Ng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง CASETiFY เปิดเผยว่า CASETiFY ได้เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่แข็งแกร่งและเป็นกลุ่มประเทศหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์แนวสร้างสรรค์ที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ CASETiFY มีฐานลูกค้าในไทยอย่างล้นหลาม และในปลายเดือนกันยายนนี้ CASETiFY ก็พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดไทยอย่างเต็มตัวด้วยการเปิด Pop-Up Store แห่งแรกขึ้นในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับ “PP Group Thailand” (พีพี กรุ๊ป ประเทศไทย) บริษัทนำเข้าสินค้าไฮเอนด์ชั้นนำของประเทศไทย โดยจะรวบรวมสินค้าของ CASETiFY ไว้กว่า 100,000 รายการ รวมทั้งสินค้า RARE ITEMS และคอลเลกชันยอดนิยมที่คนทั่วโลกตามหา มาไว้ที่สโตร์แห่งนี้เพื่อให้แฟนๆ ได้ตามเก็บสะสมกันอย่างจุใจ
“เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการเปิดตัว CASETiFY Pop-Up Store แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเราจะได้พบกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนผ่านการสั่งสินค้าทางออนไลน์ตลอดมา นอกจากนั้น การร่วมมือกับ PP Group ในการสร้างสรรค์ Pop-Up Store แห่งนี้ยังจะมอบความพิเศษให้แก่ลูกค้าชาวไทยได้อย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น CASETiFY Pop-Up Store ประเทศไทย ยังเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับนักออกแบบและครีเอทีฟชาวไทยให้ได้นำความเป็นไทยมาสู่แบรนด์ CASETiFY ในอนาคต” เวสลีย์กล่าว
โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ บริษัท พีพี โหมด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจาก PP Group เป็นบริษัทที่มุ่งสรรหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์ มีคุณภาพดี เป็นที่นิยมและโดดเด่นในต่างประเทศ รวมทั้งต้องมีแนวโน้มที่จะได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศไทย ซึ่ง CASETiFY ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ Tech accessories ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในไทยอยู่ ณ ขณะนี้ และยังเติบโตอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z ที่เราอยากเจาะกลุ่ม จึงเป็นเหตุผลที่ PP Group ร่วมมือกับ CASETiFY เปิด Pop-Up Store แห่งแรกในไทยขึ้นเป็นเวลา 6 เดือน โดยเราก็มีแผนที่จะเปิดร้านถาวรในไทยอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยก็ถือเป็นตลาดที่สำคัญทั้งกับทาง PP Group และ CASETiFY เช่นกัน
CASETiFY Pop-Up Store สาขาแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน “เซ็นทรัลเวิลด์” (โซน Atrium ชั้น 1) ย่านชอปปิ้งและไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 80 ตารางเมตรซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “360° Creative Hub” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่แตกต่างและครบวงจร ทั้งการตกแต่งอันทันสมัย การใช้แสงและสีสันของสโตร์ที่สดใสสะดุดตาเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างมีสไตล์ โดยจะมีสินค้าหลากหลายคอลเลกชันที่จะหมุนเวียนมาให้เลือกชอปตลอด 6 เดือนพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าชาวไทยจะได้มีโอกาส DIY สไตล์ของตัวเองบนเคสมือถือและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น เคส AirPod ที่ปรับแต่งได้ เคสแล็ปท็อป ขวดน้ำ โดยสามารถเลือกลวดลายที่มีมากกว่าพันแบบ ณ Pop-Up Store จากนั้นทางร้านจะทำการผลิตในเวลาไม่นาน และเคสมือถือบางรุ่นสามารถรอรับกลับได้ในวันเดียวกัน หรือสั่งทางออนไลน์แล้วเลือกจัดส่งถึงบ้านได้อีกด้วย ทั้งนี้ ร้าน CASETiFY Studio ทั่วโลกนับเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะบนเคสโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมถึงได้รวบรวมงานศิลปะต่างๆ ที่เป็นผลงานความร่วมมือกับศิลปินชื่อดังทั้งไทยและสากลเอาไว้มากมาย อาทิ “Sundae Kids” (ซันเดคิดส์) ศิลปินชาวไทยที่เคยฝากผลงานลายเส้นสุดน่ารักเอาไว้ และเป็นหนึ่งในคอลเลกชันยอดนิยมของ CASETiFY
การเปิดตัว CASETiFY Pop-Up Store ประเทศไทยยังมาพร้อมกับคอลเลกชันใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นผลงานความร่วมมือครั้งแรกกับ “Warner Music Thailand” (วอร์นเนอร์ มิวสิก ไทยแลนด์) ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับอินเตอร์ พร้อมผลักดันศิลปินชาวไทยคนแรกที่มีความสามารถรอบด้านอย่าง“Jeff Satur” (เจฟ ซาเตอร์) ให้โลกได้รู้จักถึงตัวตนที่แตกต่างของเขากับคอลเลกชันแรกJeff Satur x CASTiFY ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจจากเพลงใหม่ล่าสุด “ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade)” เพลงรักสไตล์บัลลาดสุดโรแมนติก ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ CASETiFY ที่เป็นเสมือนเวทีระดับโลกในการสนับสนุนครีเอทีฟและศิลปินให้ได้โชว์ฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองบนอุปกรณ์เทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม
รวมถึงเอาใจแฟนคลับคาแรกเตอร์การ์ตูนดังอย่าง “โปเกมอน” (Pokemon) ที่จะนำคอลเลกชันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลกกลับมาวางจำหน่ายเฉพาะที่ประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดร้าน CASETiFY Pop-up Store เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นยังมีคอลเลกชันไฮไลต์จากแบรนด์สตรีทแวร์ไทย Carnival รวมทั้ง Sailormoon และ iPhone 14 ที่ห้ามพลาดอีกด้วย
นอกจากความสวยงามคงทนแล้ว CASETiFY ยังผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นด้วยความยั่งยืน ภายใต้โปรแกรม “Re/CASETiFY” ด้วยการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยลูกค้าสามารถเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้ด้วยการส่งเคสที่ไม่ใช้แล้วกลับมายัง CASETiFY เพื่อแลกรับส่วนลด 15% สำหรับซื้อสินค้าภายในร้าน จากนั้นเคสเก่าจะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการแล้วผลิตออกมาเป็นเคสรุ่นใหม่ ทั้งนี้ CASETiFY ได้นำเคสเก่าไปผลิตใหม่แล้วกว่า 28,000 กิโลกรัม เทียบเท่าสนามฟุตบอลถึง 24 สนาม
ร่วมอัปเดตคอลเลกชันล่าสุดก่อนใครกับโปรโมชันพิเศษจาก CASETiFY ได้แก่
• ซื้อ 1 ชิ้นลด 15% ซื้อ 2 ชิ้นลดเลย 20% เมื่อซื้อสินค้ารุ่นใดก็ได้ (ยกเว้นสินค้าใหม่, สินค้า Co-Lab และสินค้าคอลเลกชัน iPhone 14) ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน จนถึง 10 ตุลาคม 2565 นี้เท่านั้น
• ซื้อเคสโทรศัพท์มือถือ iPhone 14 จำนวน 1 ชิ้น เลือกรับส่วนลดฟิล์มโทรศัพท์ 2 ชิ้น 25% หรือส่วนลดฟิล์มเลนส์กล้องโทรศัพท์ 2 ชิ้น 25% ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน จนถึง 16 ตุลาคม 2565 นี้เท่านั้น
• รับสายคล้องโทรศัพท์ (Custom Bead Strap) รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด พิมพ์อักษร "BKK♡" สำหรับลูกค้า 200 คนแรกที่มียอดซื้อมากกว่า 2,999 บาท
เกี่ยวกับ CASETiFY
CASETiFY (เคสทิฟาย) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกและแพลตฟอร์มแรกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีที่ปรับแต่งได้เอง ผลิตขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพสูงผสานการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งจะพลิกโฉมอุปกรณ์ไอทีของผู้ใช้ทุกคนให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยอุปกรณ์เสริมที่บางเฉียบทนทาน ป้องกันการตกหล่น นอกจากนั้น CASETiFY ยังมีผลงานการร่วมมือกับศิลปินชื่อดังและครีเอทีฟแถวหน้ามากมาย ภายใต้โปรเจกต์ “Co-Lab” ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์และบุคคลทั่วไปร่วมแชร์ไอเดียสุดบรรเจิดเพื่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร