xs
xsm
sm
md
lg

“มูจิ” ขยายวัยรุ่น-เฟิร์สทจ็อบเบอร์ จ่อลุยเครื่องใช้ไฟฟ้า-เรสเตอรองต์ส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - MUJI (มูจิ) ตอกย้ำตลาดประเทศไทยยังมีศักยภาพ เปิดแผนปีหน้าผุดอีก 5 สาขา จ่อขยายไลน์สินค้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าปีหน้านำเข้ามาทำตลาด เล็งโอกาสเปิดธุรกิจมูจิเรสเตอรองต์สในไทย ล่าสุดเปิดสาขาขนาดบิ๊กไซส์ใหม่เป็นสาขา 26 ที่ดิ เอ็มควอเทียร์ ขนาดกว่า 1,500 ตร.ม. ลุยตลาดแบบท้องถิ่นใช้ KOL และ Influencer ปรับตัวสู่ออนไลน์มากขึ้น

นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจและสาขาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีงบประมาณหน้า (กันยายน 2565-ตุลาคม 2566) จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 5 แห่ง พื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตรต่อสาขา และคาดว่าภายในปีถัดไปคือปี 2567จะเปิดอีกไม่ต่ำกว่า 8-10 สาขา ซึ่งจะมีสาขาขนาดเล็กและขยายสาขาออกต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นด้วย และมีแผนที่จะเปิดสาขาแบบแฟลกชิปสโตร์อีกแห่งในอนาคตที่มีพื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางเมตรด้วย 


รวมทั้งในอนาคตอาจจะมีการนำสินค้าและธุรกิจใหม่ๆ ในเครือมูจิเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยเพิ่มด้วย เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของมูจิ ซึ่งคาดว่าในปีนหน้าจะเริ่มทยอยนำเข้ามาทำตลาดได้บ้าง อีกทั้งยังมีธุรกิจโมเดลมูจิเรสเตอรองต์สที่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งขณะนี้มีเปิดบริการที่สิงคโปร์แล้ว หากในอนาคตมีความเหมาะสมและโอกาสก็อาจจะขยายเข้ามาในไทยเช่นกัน

“ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศนิยมบริโภคสินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่คนทั่วโลกนิยมเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้มีกำลังซื้อจากทั้งในและต่างประเทศ จากการที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังเปิดประเทศเต็มตัว” นายอกิฮิโร่กล่าว


ล่าสุด MUJI (มูจิ) เปิดสาขาใหม่ในศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นสาขาที่ 26 ในประเทศไทย พื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 2 ของอาคาร Building B ซึ่งมีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 3,000 รายการ ดิ เอ็มควอเทียร์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักของคนไทย ชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีกิจกรรมขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการและสำนักงานขององค์กรระดับนานาชาติ ดังนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทาย

ทั้งนี้ MUJI The EmQuartier สาขาที่ 26 เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเปิดสาขาขนาดใหญ่ (Big size) เพื่อรองรับดีมานด์ของสินค้าและบริการแบบฉบับญี่ปุ่นของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน หลังจากเปิดสาขาแรกที่ สามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งเป็นต้นแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ที่มีสินค้าและบริการครบครัน รวมถึงร้านกาแฟสาขาแรก เมื่อ พ.ศ. 2562 และใน พ.ศ. 2564 ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา รวมทั้งปรับโฉมสาขาเดิมให้มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นอีก 2 สาขา โดยการต่อยอดโมเดลร้านขนาดใหญ่มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและมากกว่าให้ผู้บริโภค


จากการดำเนินกลยุทธ์ขยายสาขาในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ MUJI มียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของสินค้า MUJI ที่ผลิตอย่างพิถีพิถัน มีเรื่องราวที่มาและเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบ จึงสามารถตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันลูกค้าของ MUJI จะมีสัดส่วนของผู้หญิงมากที่สุดกว่า 60% เรียงลำดับกลุ่มอายุตามลำดับ คือ 1. อายุ 25-34 ปี 2. อายุ 35-44 ปี และ 3. อายุ 45-54 ปี ทั้งนี้ MUJI มีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มนักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปี จนถึง First Jobber (เฟิสต์ จ็อบเบอร์) และวัยทำงานอายุระหว่าง 25-34 ปี ตลอดจนกลุ่มวัยกลางคน รวมถึง MUJI กำลังทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายให้มากขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบันสัดส่วนสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น 99% และสินค้าในไทย 1% โดยมีสัดส่วนยอดขายมาจาก เสื้อผ้า 50% ของใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ 48% อาหารและเครื่องดื่ม 2% มีการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ย 700 บาทต่อบิล


นอกจากนี้ MUJI ได้ใช้กลยุทธ์ปรับราคาสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และยังเดินหน้า
กลยุทธ์ Mass Marketing สร้างการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการเลือกใช้ KOL และ Influencer ชื่อดัง รวมถึง Micro Influencer และ YouTuber ในกลุ่มที่รักในแบรนด์สินค้า MUJI เพื่อสร้างการรับรู้ให้ขยายในวงกว้าง ผสานกับแนวคิดการตลาด Localization ที่มีการออกแบบสินค้าเฉพาะภูมิภาคและท้องที่ เช่น เสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ที่มีการปรับดีไซน์ให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้ดูเป็นทางการมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การสวมใส่เสื้อผ้าของคนไทยที่นิยมใส่ได้หลายโอกาส ทั้งใส่ทำงานและสามารถออกไปแฮงก์เอาต์ได้ ซึ่ง MUJI ได้เลือกใช้นางแบบนายแบบคนไทยในการทำ Lookbook คอลเลกชันล่าสุดอีกด้วย หรือสินค้าทำความสะอาดบ้าน ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะประเทศไทยและในภูมิภาคเท่านั้น เป็นต้น รวมถึงการผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการขยายสู่ Online Platform ส่งผลให้ MUJI เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครบถ้วน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียน และ Coffee Corner อาหารเครื่องดื่ม สะท้อนภาพลักษณ์ “MUJI ไม่ใช่แค่แบรนด์สินค้า แต่คือชีวิตประจำวันของทุกคน”

“การออกแบบร้าน MUJI The EmQuartier ได้แรงบันดาลใจจากแนวคิด ‘ความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ’ ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านให้รู้สึกอบอุ่น สบายตา มินิมัล ด้วยโทนสีและการจัดวางสินค้าที่เป็นสไตล์ MUJI ผสานเข้ากับความเป็นท้องถิ่น ตามแนวคิด Localization โดยใช้ไม้เก่าที่คัดสรรจากพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาเป็นวัสดุในการตกแต่งร้าน ครบครันด้วยสินค้ากว่า 3,000 รายการ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายและหญิง รวมถึงโซนซิกเนเจอร์ MUJI Coffee Corner มุมกาแฟ ที่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมกับตกแต่งฝาผนังด้วยสินค้า MUJI ดีไซน์แปลกใหม่ แต่ยังคงความเป็น MUJI ได้เป็นอย่างดี มี Light Meal & Bakery อาหารรองท้องและเบเกอรี พร้อมเปิดตัวเมนูพิเศษจากหลากหลายผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มรสชาติความแปลกใหม่ และของหวานเมนูพิเศษที่จะวางจำหน่ายเฉพาะสาขานี้ โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และ Interior Consultation Service โซน MUJI Green ต้นไม้กระถาง ไม้ประดับ รวมถึง Normal Shop ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ใช้เป็นประจำทุกวันอย่าง สบู่ แชมพู น้ำยาทำความสะอาด ที่ผลิตด้วยแนวคิด Zero Waste เติมเต็มวิถีชีวิตแบบกรีนลีฟวิ่ง (Green Living) และสะท้อนการเป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ MUJI โซน MUJI Yourself ออกแบบลวดลายบนสินค้ากระดาษ โซน Embroidery บริการปักผ้าบนสินค้าของ MUJI” นายคาโมการิกล่าว




















กำลังโหลดความคิดเห็น