“ปลัดกระทรวงพลังงาน” แย้มข่าวดียืนยันผลการหารือโรงกลั่นล่าสุดพร้อมให้ความร่วมมือ หากแต่ต้องอาศัยเวลาในการดูข้อกฎหมายที่จะไม่ผิดต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ถือหุ้น ส่วนกรณีกองทุนน้ำมันฯ ติดลบแสนล้านบาทมีทางออกแล้ว “สุพัฒนพงษ์” พร้อมชี้แจง
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ ว่า กระทรวงพลังงานได้หารือกับผู้ประกอบการโรงกลั่นในไทย 6 รายเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐแต่ความร่วมมือจะต้องดูวิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายเนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงต้องขอให้กระทรวงฯ ตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อนเพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ถือหุ้นซึ่งคาดว่าจะหาข้อสรุปได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
“ความร่วมมือ 2 ฝ่ายก็ต้องมาดูรายละเอียดทำแล้วสามารถจะดำเนินการทั้งฝ่ายรัฐและเอกชน ถ้าทำแล้วขัดกฎหมายอีกส่วนก็ทำไม่ได้ เขาทำแล้วขัดกฎหมาย ขัดผู้ถือหุ้นก็ทำไม่ได้ เลยต้องหาทางร่วมกัน โดยมีแนวทางร่วมกันเบื้องต้นโดยจะตั้งทีมมาหารือกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เรียนได้ทั้งโรงกลั่นและรัฐยึดผลประโยชน์ให้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแบ่งเบาภาระประชาชนเป็นสำคัญบนพื้นฐานที่เป็นความร่วมมือรัฐไม่อยากบังคับแต่เขาก็พร้อมร่วมมือ” นายกุลิศกล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานจะอาศัยอำนาจ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ม.14 (4) และ ม.27 (1) ในการเรียกเก็บเงินโรงกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้นั้นเรื่องนี้ไม่ได้ถอยแต่หากดำเนินการทุกฝ่ายจำเป็นต้องเห็นด้วย หากมีการแย้งว่าทำไม่ได้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจน ซึ่งกระบวนการต่างๆ ต้องใช้เวลาโดยพยายามหาวิธีที่จะดำเนินการให้เร็วขึ้น โดยโจทย์แรก 1. จะต้องตกลงร่วมกันได้ภายใต้กฎหมาย 2. วงเงิน เพราะค่าการกลั่นแต่ละแห่งไม่เท่ากันจึงต้องดูให้เหมาะสม
ส่วนตัวเลขที่ระบุการขอความร่วมมือโรงกลั่นขอกำไรส่วนต่างเดือนละ 8,000 ล้านบาทนั้นมีสูตรที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ใช้เพื่อการดำเนินงาน แต่โรงกลั่นมีข้อเท็จจริงอะไรอย่างไรก็พร้อมรับฟัง โดยกรณีที่โรงกลั่นระบุว่าไตรมาสแรกปีนี้ได้เพียง 1.19 บาทต่อลิตรเท่านั้นไม่ได้เป็น 10 เท่าแต่อย่างใดเรื่องดังกล่าวยอมรับว่าแต่ละกลุ่มก็มีตัวเลขต่างกัน แต่จากสถิติของ สนพ.ที่จัดเก็บบนสมมติฐานเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงค่าการกลั่นเดือน ม.ค.-พ.ค. 2565 อยู่ที่ลิตรละ 3.27 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป
สำหรับสิ้นเดือนนี้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจติดลบระดับแสนล้านบาทนั้นยืนยันว่ามีทางออกแล้ว โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนเอง ซึ่งการพิจารณาใน ครม.วันนี้ (21 มิ.ย.) จะเป็นการพิจารณามาตรการลดค่าครองชีพประชาชนและมาตรการลดภาระค่าพลังงานให้ประชาชนเป็นหลัก