xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเทรนด์ตลาด Influencer ในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นีลเส็น ประเทศไทย เผยข้อมูลจากงานซีรีส์สัมมนาออนไลน์ Nielsen media talk ในหัวข้อ Winning in the influencer era ซึ่งเปิดเผยอินไซต์สำคัญของเทรนด์ตลาด Influencer ในประเทศไทย

จากเน็ตไอดอลสู่ยุค Influencer
วงการ Influencer ในไทย เริ่มเห็นเด่นชัดมาตั้งแต่ปี 2000 โดย Influencer ในยุคนั้นอยู่ในรูปแบบของเน็ตไอดอล โดยยุคบุกเบิกที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ได้แก่ เบเบ้ ธันย์ชนก หรือ บอลลูน พินทุ์สุดา ต่อมาในยุคที่โซเชียลมีเดียแพร่หลาย ได้มีการใช้ Influencer ในการโฆษณาและเชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มความงาม เป็นอุตสาหกรรมแรกที่มีการใช้ Influencer ในการทำการตลาด ซึ่งในปี 2014 มีบิวตี้บล็อกเกอร์ที่เป็นที่รู้จักและโด่งดังเป็นจำนวนมาก เช่น เมอา และ โมเมพาเพลิน  

จะเห็นได้ว่าในอดีตเน็ตไอดอลหรือ Influencer จะมาจากกลุ่มที่หน้าตาดีซะส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป คนไทยยอมรับความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ตั้งแต่ช่วงปี 2019 เราได้เห็น Influencer รูปแบบใหม่ๆ จากหลากหลายอาชีพ และวัย ใครก็สามารถเป็น Influencer ได้ เพียงแค่มีความสามารถและเป็นตัวของตัวเอง และมากไปกว่านั้นจากกระแสของ Metaverse ตอนนี้ในไทย เรามี Virtual Influencer เรียบร้อยแล้ว

คนไทยเชื่อถือ Influencer มากแค่ไหน?
จากการศึกษาของ Nielsen Trust in Advertising พบว่าคนไทย 75% ให้ความไว้วางใจโฆษณา ความคิดเห็น และการรีวิวผลิตภัณฑ์จาก Influencer ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่มองว่า Influencer เป็นช่องทางที่เอาไว้ติดตาม อัปเดตเทรนด์และข่าวใหม่ๆ (22%) และยังมองว่าเป็นช่องทางที่ให้ความบันเทิงสูงอีกด้วย (20%)

กลุ่ม Beauty ใช้เม็ดเงินกับ Influencer สูงสุด
กลุ่มความงามเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้เม็ดเงินสูงสุดในการตลาด Influencer ทั้งในไทยและในกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยสัดส่วนที่มากถึง 42% รองลงมาได้แก่ สินค้าแฟชั่น, อาหารและเครื่องดื่ม, เทคโนโลยี, ฟิตเนส, สินค้าลักชัวรี

โดยเมื่อเจาะในกลุ่มความงาม พบว่า สกินแคร์ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เม็ดเงินไปกับ Influencer ในสัดส่วนถึง 70% โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิวและครีมกันแดด โดยรองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมนิยมใช้ Influencer ในการโปรโมตเช่นกัน

เลือก Influencer ถูกคน ผลลัพธ์เกินคุ้ม
จากข้อมูลของ Nielsen Influence Scope พบว่า ประเทศไทยมี Active Influencer มากกว่า 2 ล้านคน เป็นอันดับสองในกลุ่มอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย ซึ่งการเติบโตและเพิ่มขึ้นของตลาดทำให้มีวิธีการเลือก Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์และแคมเปญมีความซับซ้อนขึ้น โดยแนวทางและวิธีการเลือก สามารถพิจารณาได้จาก 4R model 
1. Reach หรือการเข้าถึง จำนวนคนที่เข้าถึง Influencer นั้นๆ ดูได้จากยอดการติดตาม ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ยิ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสในการเพิ่มการเข้าถึงก็มีมากขึ้น
2. Relevance ความเกี่ยวข้องของ Influencer และแบรนด์ ผ่านข้อมูลโปรไฟล์ของ Influencer ว่ามีความสนใจ ไลฟ์สไตล์ และทัศนคติ เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือแคมเปญหรือไม่
3. Resonance การมีส่วนร่วม สามารถวัดจาก Engagement ของ Influencer ว่าผู้ติดตามมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน จากจำนวนยอดการดู ไลก์ แชร์ คอมเมนต์ และรวมถึง Sentiment ด้วย ถ้าเราจ้าง Influencer ที่ได้รับ Negative sentiment สูง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์หรือแคมเปญได้เช่นกัน 
4. Return ผลตอบกลับจากการใช้ Influencer เป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้คุณวัดความคุ้มทุนหรือขาดทุนจากการโฆษณาผ่านช่องทางนั้นๆ ว่าเมื่อใช้ Influencer คนนี้แล้วเราได้ยอดซื้อกลับมาเท่าไหร่ หรือคนคลิกร่วมแคมเปญมากน้อยแค่ไหน 

Influence Scope เป็นโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลล่าสุดจาก Nielsen เพื่อสนับสนุนนักการตลาดในการเลือกใช้ Influencer ที่เหมาะสมที่สุด เราประเมินผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1,000 รายที่มีอิทธิพลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย โดยสามารถช่วยเลือก Influencer ตามความเหมาะสมของแบรนด์และแคมเปญภายในกรอบเวลาที่ต้องการ ทำการประเมินผ่าน content แพลตฟอร์ม บุคลิกภาพ และวัดมูลค่าสื่อและ ROI 


กำลังโหลดความคิดเห็น