“จุรินทร์” ยันไม่อนุญาต “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ปรับขึ้นราคา

“จุรินทร์” ยันยังไม่อนุญาตให้ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ขึ้นราคา ย้ำจะตรึงให้นานที่สุด แต่ยอมรับต้นทุนผู้ผลิตเพิ่มจริง จากเหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน น้ำมันแพง มอบกรมการค้าภายในดู ยึดวิน-วิน โมเดล ให้ทุกฝ่ายอยู่ได้และกระทบผู้บริโภคน้อยที่สุด พร้อมเชิญชวนชาวบางขุนเทียน ร่วมซื้อสินค้าราคาถูก หลังนำกว่า 1,800 รายการมาขาย ลดสูงสุด 75%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีเครือสหพัฒน์จะขอปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในระหว่างการตรวจเยี่ยมโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 18 : 4 มุมเมือง (ครั้งที่ 4) ที่ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน การเคหะชุมชนธนบุรี 3 กรุงเทพมหานคร ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งขายอยู่ปัจจุบันซองละ 6 บาท ได้มีการร้องขอปรับราคามาหลายเดือนแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา ส่วนที่มีข่าวเรื่องปรับราคาก่อนหน้านี้ คือ การปรับราคาระบบการบริหารจัดการภายในเป็นทอด ๆ เช่น จากโรงงานไประบบค่าส่งไประบบค้าปลีก เป็นต้น แต่ปลายทางยังราคาซองละ 6 บาท และยืนยันว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพื้นฐานทั่วไป ขณะนี้กรมการค้าภายในยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา

“เห็นใจผู้ผลิต ซึ่งทราบว่าหลังจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมาก เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต้นทุนการผลิตอาหารเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ขอความร่วมมือให้ช่วยกันตรึงราคา และใช้เวลาตรึงราคามาหลายเดือนแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีการอนุญาต จะยังขอความร่วมมือตรึงราคาให้นานที่สุด แต่ก็เห็นใจผู้ผลิต เพราะกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องดูแลด้วย หากผลิตไปแล้ว ไม่มีผลกำไร หยุดผลิต ปัญหาใหม่จะตามมา ไม่ใช่ของแพง แต่เป็นปัญหาไม่มีของ ของขาดตลาด ความสมดุลควรอยู่ตรงไหน สำหรับผู้บริโภคเห็นใจทำอย่างไรถ้าต้องปรับขึ้นให้นกระทบน้อยที่สุด แม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปเยอะก็ตาม คือ หลักที่ให้ไว้เป็นนโยบาย ซึ่งกรมการค้าภายในจะไปเจรจากับผู้ผลิตเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ร่วมกันได้ ภายใต้วิน-วินโมเดล”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 18 สี่มุมเมือง จัดมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ครั้งที่ 2 ที่ศูนย์กีฬาเคหะชุมชนห้วยขวาง ครั้งที่ 3 ที่สนามฟุตบอลเคหะชุมชนร่มเกล้า มีสินค้ากว่า 1,800 รายการ ลดราคาสูงสุดถึง 75% ขอเชิญประชาชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยได้ จะจัดวันที่ 10-12 มิ.ย.2565

สำหรับสินค้าที่จะนำมาจำหน่าย นอกจากสินค้าอุปโภคบริโภค จะมีสินค้าราคาพิเศษที่จำเป็นต่อชีวิตจำวัน เช่น หมูเนื้อแดงกิโลกรัม (กก.) ละ 160 บาท เนื้อไก่น่องติดสะโพก 65 บาท/กก. น้ำตาล กก.ละ 18 บาท น้ำมันพืชขวดละ 59 บาท และไข่ไก่คละไซด์กลาง ฟองละ 3.16 บาท ข้าวหอมมะลิถุงละ 5 กก. ราคาถุงละ 120 บาท ข้าวขาว 5% ถุงละ 89 บาท ตก กก. ละ 18 บาท และผลไม้ทุเรียนหมอนทอง จันทบุรี ในราคา 130 บาท/กก. มะม่วงงาช้างแดง ลำพูน ราคา 15 บาท/กก. เงาะโรงเรียน จังหวัดตราด ราคา 35 บาท/กก. และสับปะรดปัตตาเวีย จังหวัดอุตรดิตถ์ ราคา 10 บาท/กก. และหมวดสำคัญเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดสูงสุด 50% รวมทั้งชุดนักเรียนเครื่องแต่งกาย ลดสูงสุด 50% เป็นต้น

ทั้งนี้ ในส่วนของต่างจังหวัด จะทยอยจัด โดยดูความเหมาะสม เพราะเห็นใจพี่น้องประชาชน เนื่องจากช่วงนี้ค่าครองชีพสูง และราคายังสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยน้ำมันต้องนำเข้าทั้งหมด ซึ่งแพงทั้งโลก เหตุจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อข้าวของบ้านเราไปด้วย กระทรวงพาณิชย์พยายามช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเท่าที่จะทำได้อย่างดีที่สุด