ผู้จัดการรายวัน 360 - “สหพัฒน์” จ่อปรับราคาสินค้า เหตุแบกต้นทุนวัตถุดิบไม่ไหว ผลกระทบจากเศรษฐกิจและสงครามยืดเยื้อ เร่งสรุปเจรจากับทางกระทรวงพาณิชย์ ชี้หากยืดเยื้ออาจจะเกิดภาวะขาดแคลนสินค้า
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ทางเครืออยู่ระหว่างการเจรจาและขออนุมัติจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับราคาสินค้าในกลุุ่มที่เป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากขณะนี้ปัญหาการผลิตมีมากจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าวัตถุดิบหลายประการที่ปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง อันเป็นผลกระทบจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือนแล้วจากเดิมที่คาดว่าจะจบลงช่วงเดือนเดียว ซึ่งนอกจากต้นทุนวัตถุดิบขึ้นราคาแล้ว วัตถุดิบบางอย่างก็ยังขาดแคลนอีกด้วย
“ตอนนี้เราต้องขึ้นราคา เพราะต้นทุนผลิตขึ้น วัตถุดิบขึ้นราคา ขึ้นพรวดเดียวกันหมดเลย เราไม่ขึ้นราคาสินค้าก็ไม่ได้ จะอยู่ไม่ได้ แต่การขึ้นราคาของเราก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ที่กระทบมากสุดเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะแป้งสาลีก็ขึ้นราคาก น้ำมันปาล์มก็ขึ้นราคา ในต่างประเทศเขาปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันไปแล้วมากน้อยต่างกันไป ทั้งในจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือแม้แต่ผงซักฟอกก็ขึ้นราคาหมด”
การปรับราคาจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางกระทรวงพาณิชย์ว่าจะอนุมัติได้เร็วแค่ไหน ซึ่งถ้าหากว่าพิจารณานานก็จะเกิดผลกระทบตามมาอีก เพราะอาจจะทำให้สินค้าบางอย่างขาดตลาดก็ได้ เพราะผู้ผลิตสินค้าบางแบรนด์บางรายผลิตไม่ไหวแล้วไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้อีก ก็อาจจะลดกำลังผลิตลงหรืออาจหยุดการผลิตระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เสี่ยใหญ่แห่งสหกรุ๊ปมองว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีปัญหามากมายรุมเร้าก็ตาม แต่เชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานทางศักยภาพของไทยจะฟื้นตัวและกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เร็วกว่าในหลายประเทศอื่น เพราะเศรษฐกิจของไทยเรายังดีกว่าที่อื่นอีกมาก
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่จบและสงครามรัสเซีย-ยูเครนขณะนี้ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนอย่างไรนั้น เสี่ยใหญ่ตอบว่า การลงทุนในรูปแบบเก่าๆ อาจจะต้องหยุดเอาไว้ก่อน แต่อาจจะมีการพิจารณาการลงทุนในรูปแบบใหม่หรือตลาดสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น คงต้องดูเทรนด์ตลาด อย่างไรก็ตาม ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 26 ปีนี้ไม่มีการเซ็นสัญญาลงทุนร่วมกับทางประเทศญี่ปุ่นเลย ไม่เหมือนปีก่อนๆ ที่เรามีโครงการร่วมทุนใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกครั้ง
แต่สินค้าที่จะเป็นเทรนด์หลักหลังจากนี้ก็คือสินค้าในกลุ่มเฮลตี้และเวลเนส เนื่องจากผู้คนหันมาดูแลรักษาสุขอนามัยมากขึ้นจากการระบาดของโควิด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สินค้าบางกลุ่ม บางแบรนด์ ที่ไม่ได้มีการควบคุมราคานั้น ได้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วทางอ้อม เช่น การออกสินค้ารุ่นใหม่เอสเคยูใหม่ ปรับขนาด เพราะใช้วัตถุดิบใหม่ มีการตั้งราคาสูงขึ้นกว่าเดิมโดยปริยายประมาณ 5% แต่ก็ถือว่าน้อยมากไม่ถึง 10% ของสินค้าทั้งหมด ล่าสุดจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 26 วันที่ 30 มิถุนายน-3 กรกฎาคม 2565 ที่ไบเทค บางนา มีมากกว่า 1,000 คูหา จากกว่า 100 บริษัทในเครือออกงาน