"สุพัฒนพงษ์" เร่งคลอดแพกเกจใหม่ลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะด้านพลังงาน คาดสรุปภายใน มิ.ย.นี้ก่อนหลายมาตรการจะสิ้นสุดลง แย้มอุ้มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนถึงสิ้นปี จับตาบี้ลดค่าการกลั่นหาช่อง กม.ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาควบคู่กับการขอความร่วมมือเพื่อดูแลราคาดีเซล
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อจัดทำแพกเกจใหม่ในการลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะในส่วนของภาคพลังงานเนื่องจาก 10 มาตรการเดิมบางส่วนจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้โดยเบื้องต้นในส่วนของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ในงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค. 65) แม้มีสัญญาณจะปรับขึ้นอีกต่อเนื่องแต่รัฐยืนยันที่จะดูแลกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็กที่จะสิ้นสุด ส.ค.ต่อไปจนถึงสิ้นปี โดยจะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าจากการลดค่า Ft ที่ 0.2338 บาทต่อหน่วย ส่วนดีเซลกำลังพิจารณาแนวทางลดผลกระทบราคาโดยกำลังพิจารณาลดราคาหน้าโรงกลั่นหรือค่าการกลั่นตามที่มีผู้เสนอมา โดยกำลังพิจารณาในแง่กฎหมายและขอความร่วมมือ
"แพกเกจใหม่จะชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ โดยราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าถ้าเทียบเพื่อนบ้านเราต่ำกว่าด้วยซ้ำ ทำให้น้ำมันเองมีเพื่อนบ้านมาเติมจึงต้องดูความเหมาะสมด้วย ดังนั้นราคาดีเซลที่กำหนดจะช่วยเหลือ 50% ของการอุดหนุนตามมติ ครม. 22 มี.ค. และกำหนดเพดานไม่เกิน 35 บาทต่อลิตรไว้ที่จะสิ้นสุด มิ.ย.ก็กำลังดูว่าจะยังไงต่อ และส่วนหนึ่งก็กำลังดูค่าการกลั่นซึ่งยอมรับว่าสูงขึ้นมากอดีตเคยเกิดขึ้นเมื่อ 15-20 ปีก่อนแต่ช่วงนั้นสั้นๆ ซึ่งต้องเข้าใจว่าตลาดน้ำมันเป็นแบบเสรี ต้องศึกษาแง่มุมกฎหมายทั้งพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดูว่าจะทำได้หรือไม่หากไปบังคับอาจผิดได้ ซึ่งจะสรุปภายใน มิ.ย.นี้" นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวยอมรับว่า หากสามารถปรับลดค่าการกลั่นได้จะทำให้ราคาดีเซลไม่ต้องขยับเพดานสูงไปมากขึ้น แต่การพิจารณาต้องรอบคอบด้วยและให้ความเป็นธรรมทั้งในแง่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ซึ่งทางโรงกลั่นเองก็ขอเวลาในการปรับแผนไม่ให้กระทบการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะยังคงพยายามดูแลดีเซลไม่ให้เกินกรอบเพดานที่กำหนดไว้ 35 บาทต่อลิตรภายในสิ้นเดือนนี้แม้ว่าขณะนี้ราคาจริงจะสูงกว่า 36 บาทต่อลิตรแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับราคาแอลพีจียังคงดูแลเฉพาะกลุ่มเช่นเดิมต่อไป แต่ในส่วนของราคาขายปลีกภาคครัวเรือนที่มีการปรับขึ้น 3 ครั้ง ครั้งละ 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็นเวลา 3 เดือน โดยล่าสุดปรับขึ้นเมื่อ 1 มิ.ย. จากนี้จะปรับขึ้นหรือไม่คงต้องดูทิศทางตลาดโลก แต่ล่าสุดตลาดโลกมีแนวโน้มราคาลดต่ำลงแต่ยอมรับว่ากองทุนฯ ยังคงอุดหนุนอยู่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลผลกระทบจากพลังงานระดับราคาสูงและเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นทั้งกระทรวงพลังงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง จะมีการประชุมร่วมกันในเร็วๆ นี้ ว่าจะเดินหน้าดูแลกันต่อไปอย่างไรในภาพรวม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงจำเป็นที่รัฐต้องขอความร่วมมือกับประชาชนในการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ
"ภาวะดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่ขึ้นทั่วโลก ปัญหาขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อไม่ได้เกิดที่ไทยที่เดียว จะกระทบการลงทุนอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่นักลงทุนเขามองเขาหาจังหวะโอกาสอยู่แล้ว หากประเทศใดมีเสถียรภาพทุกด้านที่ดี มีโอกาส มีสภาพคล่องที่ดีก็จะไปประเทศนั้น ส่วนไทย ธปท., คลัง, สภาพัฒน์, ก.พลังงานก็จะมาดูร่วมกันว่าสงครามยูเครน-รัสเซียยืดเยื้อ แล้วจะทำให้ราคาพลังงานทรงตัวระดับสูงจะไปนานเท่าใด เราจะจัดการอย่างไรก็ต้องหาคำตอบ" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
