ผู้จัดการรายวัน 360 - ต่างชาติหลงเสน่ห์ผลไม้ไทย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป รับอานิสงส์ออเดอร์ส่งออกล้น เผยไอศกรีมผลไม้ไทยกำลังเป็นเทรนด์สุดฮิตในเกาหลี เตรียมขยายโรงงานพร้อมจับมือเกษตรกรพัฒนาผลผลิตให้ได้มาตรฐานและเพียงพอต่อการผลิตเดือนละกว่า 1 ล้านชิ้น ล่าสุดเปิดแผนเตรียมบุกเพิ่มอีก 3 ตลาดใหญ่ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 250 ล้านบาท โต 100%
นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงตลาดไอศกรีมผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศว่า กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นและเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้นำเทรนด์อย่างเกาหลี ทำให้คาดว่ากระแสความนิยมในไอศกรีมผลไม้จะขยายไปยังอีกหลายประเทศ
โดย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตไอศกรีมผลไม้รายใหญ่ของไทย (OEM) ซึ่งผลิตให้กับหลายแบรนด์ยอดนิยมในประเทศเกาหลีขณะนี้ โดยมีการนำไปจำหน่ายทั้งในร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรม และซูเปอร์มาร์เกต ประเทศไทยถือว่ามีข้อได้เปรียบในตลาดนี้มาก เนื่องจากมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีความสดใหม่ มีความหลากหลาย รสชาติดีและมีปริมาณที่เพียงพอในเชิงอุตสาหกรรม ทำให้เมื่อนำมาใส่นวัตกรรมเพื่อแปรรูปแล้วมีมูลค่าที่สูงขึ้นและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
สำหรับผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป นั้นมีทั้งหมด 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มไอศกรีมซอร์เบต์ในลูกผลไม้ กลุ่มไอศกรีมผลไม้แท่ง และกลุ่มโมจิไอศกรีม ซึ่งกลุ่มไอศกรีมซอร์เบต์ในลูกผลไม้เป็นกลุ่มหลัก สัดส่วนอยู่ที่ 90% ซึ่งไอศกรีมซอร์เบต์ในสับปะรดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด นอกจากนั้นยังมีผลไม้ไทยอีกหลายประเภทที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง ฯลฯ
ส่วนจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้น อยู่ที่การใช้นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจากฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ จนเกิดเป็นไอศกรีมซอร์เบต์ผลไม้แท้ รสชาติดี ที่สามารถบรรจุลงในผลไม้สดได้ เก็บได้นานถึง 2 ปี ในอุณหภูมิ -25 องศา ปลอดภัยและปลอดเชื้อ ทำให้สามารถผ่านมาตรฐานอาหารได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ในหลายประเทศ
ด้านการผลิตนั้น เรามีโรงงานผลิตเองอยู่ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่กว่า 20 ล้านชิ้นต่อปี เป็นไอศกรีมซอร์เบต์ในสับปะรดประมาณ 15 ล้านชิ้น ซึ่งกำลังการผลิตของโรงงานขณะนี้เต็มเกือบ 100% จนต้องเตรียมการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ด้านผลไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตโดยเฉพาะสับปะรดนั้น มีการทำสัญญาการรับซื้อผลผลิตกับเกษตรกรโดยตรงตลอดทั้งปีในปริมาณเดือนละกว่า 1 ล้านชิ้น ถือว่าเป็นการช่วยเหลือและประกันราคาผลผลิตกับเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดโดยตรง จนวันนี้ไม่เกิดปัญหากับราคาผลผลิตสับปะรดตกต่ำเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนแผนการตลาดในครึ่งปีหลังปี 2565 บริษัทฯ มีการเตรียมบุกตลาดใหญ่เพิ่มอีก 3 กลุ่ม ทั้งออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ไอศกรีม โดยกลยุทธ์ในการบุกตลาดนั้นจะมีทั้งการหาพันธมิตรและตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ การร่วมออกงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารระดับนานาชาติ อาทิ งาน ThaiFex Anuga Asia 2022 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน เพื่อเป็นการแนะนำให้ลูกค้ารู้จักผลิตภัณฑ์โดยตรงรวมถึงหาพันธมิตรธุรกิจพร้อมกันไปด้วย สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้วางไว้อยู่ที่ 250 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 100% และหลังจากนี้จะมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยบวกทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นตามไปด้วย