กรุงเทพมหานคร,วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 - ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนทุกวันนี้ แลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษจากประเทศเยอรมนี สามารถเริ่มต้นไตรมาสแรกของปี 2565 (ค.ศ. 2022) ได้อย่างแข็งแกร่ง วันนี้ได้ประกาศยืนยันตัวเลขที่สำคัญเบื้องต้นสำหรับไตรมาสแรกที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา และแลนเซสส์ยังมั่นใจเช่นกันว่าจะผ่านไตรมาสที่สองได้ด้วยตัวเลขที่ดีเช่นกัน ซึ่งกลุ่มบริษัทคาดว่าไตรมาสที่สองจะมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย จากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA pre exceptionals) อยู่ระหว่าง 280 ล้านยูโร ถึง 350 ล้านยูโร โดยในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนบริษัททำได้ 277 ล้านยูโร เมื่อมองภาพรวมทั้งปี แลนเซสส์ยังคงคาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติจะสูงกว่าปีที่แล้วอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้ยังไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มจากสงครามในยูเครนและการที่แลนเซสส์เข้าควบรวมกิจการหน่วยธุรกิจผลิตสารควบคุมจุลินทรีย์ของบริษัท IFF การทำธุรกรรมนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ลงในไตรมาสที่สามของปีนี้
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นไปที่สารเคมีชนิดพิเศษโดยเฉพาะ จึงทำให้เรามีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน เราจึงสามารถปรับราคาขึ้นชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจที่จะคาดการณ์ผลกระทบที่ชัดเจนของสงครามในยูเครนที่มีต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของธุรกิจ ดังนั้นเราจึงติดตามสถานการณ์สงครามนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด” กล่าวโดยคุณแมตเธียส แซกเชิร์ต ประธานคณะกรรมการบริหารของแลนเซสส์
ในไตรมาสแรกของปี 2565 EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีมูลค่า 320 ล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 242 ล้านยูโรในปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 32.2 ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีส่วนทำให้เกิดการเติบโต โดยกลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งพิเศษ (Specialty Additives) ทำงานได้ดีเป็นพิเศษ แลนเซสส์สามารถปรับราคาขึ้นชดเชยราคาของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
การเข้าควบรวมกิจการ Emerald Kalama Chemical ได้อย่างประสบความสำเร็จ มีส่วนทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในเชิงบวกเช่นกัน ดังนั้นอัตรา EBITDA margin จากการดำเนินงานตามปกติ จึงอยู่ที่ร้อยละ 13.2 เทียบกับร้อยละ 14.3 ในปีที่แล้ว
ในไตรมาสแรกยอดขายของทั้งกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 2.432 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.7 จากตัวเลขของไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่ 1.693 พันล้านยูโร รายได้สุทธิแตะ 98 ล้านยูโร สูงกว่าในปีที่แล้วที่ทำได้ 63 ล้านยูโร