เอสแคป โชว์ผลงานสุดปลื้มปริ่ม กวาดกำไรประเดิมไตรมาสแรกปีเสือทอง 136.25 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 382% ฟากผู้บริหาร วิชิต พยุหนาวีชัย เชื่อปีนี้ผลงานโตก้าวกระโดดตามคาด มั่นใจธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเติบโตตามนัด สนับสนุนการควบรวมกิจการกับ BFIT ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ SAWAD แบบ New S Curve
นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 136.25 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 382% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.25 ล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ 522.26 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 189% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 180.77 ล้านบาท โดยการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลักและสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนรองลงมา
ส่วนสาเหตุการเติบโตเนื่องมาจากการขยายทีมงานฝ่ายขาย และการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับคู่ค้าทางธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน กอปรกับสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่หัวเมืองที่มีศักยภาพ อีกทั้งรถจักรยานยนต์ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิตในครัวเรือนที่สะดวกสบายจึงทำให้เกิดความต้องการอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโตได้เป็นอย่างดี
ขณะที่เป้าหมายในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ราว 11,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อส่วนบุคคลจะเน้นการปรับผลิตภัณฑ์ให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับปรุงนโยบายทางเครดิตเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ได้เตรียมขยายดีลเลอร์ให้ครอบคลุมมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"ผลงานในไตรมาสแรกถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของปี 2565 สำหรับการฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนและน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งปี โดยที่หมายมั่นปั้นมือสำหรับการเติบโตคงหนีไม่พ้นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ที่ทำผลงานออกมาได้โดดเด่นสุด ซึ่งสอดคล้องกับวิจัยกรุงศรี ได้ประเมินแนวโน้มยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศว่ามีแนวโน้มเติบโตในช่วงปี 2565-2567 เฉลี่ย 2-5% ต่อปี โดยมีแรงหนุนจากการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมโรคระบาด ส่งผลให้เกิดแรงกระเตื้องทางเศรษฐกิจ ผลักดันให้กลุ่มฐานรากที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อภาพธุรกิจมีความชัดเจนแบบนี้ เชื่อว่า SCAP จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นในการทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยและส่งผลดีต่อการควบรวมกิจการกับทาง บง.ศรีสวัสดิ์ หรือ BFIT ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้" นายวิชิต กล่าว
ทั้งนี้ การควบรวมกิจการระหว่าง BFIT และ SCAP ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ โดยจะทำการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2565 โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจของกลุ่ม SAWAD เพื่อให้แต่ละธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดขององค์กรแบบ New S Curve