ศักดิ์สยามลิสซิ่ง ไตรมาสแรกปีนี้พอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 9,047 ล้านบาท เติบโต 33% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท เติบโต 40% หลังเปิดสาขาใหม่ครบตามเป้าหมาย พร้อมบริหารควบคุมหนี้ NPLs อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร SAK ประกาศมุ่งเคียงข้างประชาชนรับภาวะเงินเฟ้อกระทบต่อต้นทุนดำเนินการทางธุรกิจสูงขึ้น มั่นใจทั้งปีพอร์ตสินเชื่อแตะกว่า 11,300 ล้านบาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 (มกราคม-มีนาคม 2565) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการมุ่งมั่นเพิ่มขีดศักยภาพการให้บริการ โดยขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพให้ประชาชน ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 9,047 ล้านบาท เติบโต 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 6,811 ล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโต 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอยู่ 118.6 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม สามารถควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.3% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อีกทั้งรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแผนธุรกิจในไตรมาส 2 บริษัทฯ มุ่งสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืนเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 60 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก จากแผนการขยายสาขา 210 แห่งในปี 2565 หรือรวมทั้งสิ้น 910 สาขา ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกเปิดครบ 90 สาขา และเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร สอดรับกับฤดูกาลเพาะปลูกที่กำลังจะเริ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรนำเทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนให้เกษตรกรไทยก้าวสู่เกษตรกรรม 4.0 เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตให้พืชผลทางการเกษตร
สำหรับแนวโน้มภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในไตรมาส 2 ประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยความต้องการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนเพื่อนำเงินไปลงทุนประกอบการอาชีพ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการประกอบอาชีพสูงขึ้นจากค่าน้ำมัน ราคาวัตถุดิบอาหาร ซึ่งบริษัทฯ มีความห่วงใยในภาวะดังกล่าว โดยพร้อมมอบสินเชื่อเพื่อสนับสนุนผู้ที่ต้องการเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพและหมุนเวียนในด้านต่างๆ ภายใต้การปล่อยสินเชื่อยังพิจารณาอย่างรัดกุม เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมั่นใจว่าแผนดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ตามเป้าหมายแตะ 11,380 ล้านบาท