“ไออาร์พีซี” แจงกำไรไตรมาส 1/65 ลดฮวบ 73% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ 1,501 ล้านบาท สาเหตุจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง รวมทั้งขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 2,699 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายสุทธิโตขึ้น 57% มาอยู่ที่ 76,608 ล้านบาท
นางณิชชา จิรเมธธนกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,501.08 ล้านบาท ลดลง 73% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,581.20 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 76,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 57 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 194,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ขณะที่ Market GIM ลดลง 2,860 ล้านบาท หรือร้อยละ 41 สาเหตุจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง บริษัทมีกำไรสต๊อกน้ำมันสุทธิเพิ่มขึ้น 784 ล้านบาทหรือร้อยละ 16 ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) ลดลง 2,076 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 17 และมี EBITDA ลดลง 2,183 ล้านบาท หรือร้อยละ 25
บริษัทบันทึกค่าเสื่อมราคาลดลง 172 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงินลดลง 43 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 บริษัทฯ มีกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 200 ล้านบาทในไตรมาส 1/2565 เทียบกับไตรมาส 1/2564 ที่มีขาดทุนจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 110 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ 19 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/2564 ที่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ 182 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 2,699 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 548 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ไออาร์พีซีมีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณการขายลดลงร้อยละ 3 โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 194,000 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 2
บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 4,105 ล้านบาท หรือราว 7.08 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงร้อยละ 39 สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับลดลง ประกอบกับต้นทุนน้ำมันดิบพรีเมียมปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้น
ในไตรมาส 1/2565 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยจากไตรมาส 4/2564 ที่มีค่าเฉลี่ย 78.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 95.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากสงครามรัสเซียกับยูเครน ประกอบกับบริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 5,786 ล้านบาท หรือ 9.97 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5,519 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จํานวน 9,891 ล้านบาท หรือ 17.05 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 42
ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 18 มาอยู่ที่ 3,018 ล้านบาท และบันทึกค่าเสื่อมราคา 2,008 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 และมีกำไรจากการลงทุน 129 ล้านบาท ลดลง 86 ล้านบาทจากไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งบริษัทบันทึกขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 2,699 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันฯ 1,526 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิ 1,501 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564