xs
xsm
sm
md
lg

ttb แจ้งกำไรไตรมาส 1/65 ที่ 3.19 พันล้าน เพิ่มขึ้น 14.8%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 65 มีกำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดของธนาคาร และความมีวินัยด้านค่าใช้จ่ายช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการเติบโตด้านรายได้ยังคงมีความท้าทายจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน แต่รายได้ดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มคงที่จากการกลับมาเติบโตสินเชื่อหลักได้ พร้อมทั้งแผนการปรับโครงสร้างงบดุลให้มีความเหมาะสม ช่วยให้ธนาคารมีโครงสร้างทางกการเงินที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เงินฝากรวมเพิ่มขึ้น 1.6% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1,360 พันล้านบาท

ด้านสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ลดลงเล็กน้อยที่ 0.4% จากสิ้นปีก่อน อยู่ที่จำนวน 1,366 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจ โดยสินเชื่อบรรษัทลูกค้าธุรกิจลดลง 5.8% จากการชำระคืนของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และความต้องการสินเชื่อหมุนเวียนที่ลดลง ขณะที่กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปรับกลุ่มลูกค้าใหม่ อย่างไรก็ดี สินเชื่อลูกค้ารายย่อยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักอย่างสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกลับมาขยายตัวที่ 1.2% และ 0.8% ตามลำดับ ซึ่งธนาคารเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของสินเชื่อใหม่ในทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังดำเนินกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่อย่างมีคุณภาพด้วยการกลับมาเติบโตสินเชื่อรายย่อยที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก-ให้ผลตอบแทนสูง และจะขยายฐานสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตผ่าน ttb consumer ซึ่งเป็นธุรกิจย่อยของธนาคาร เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์

ส่วนคุณภาพสินทรัพย์บริหารจัดการได้ดีภายใต้การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวน โดยธนาคารยังคงบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดด้วยการตั้ง ECL อย่างเข้มงวดและพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยในไตรมาส 1/2565 ธนาคารตั้งสำรองเป็นจำนวน 4,808 ล้านบาท ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งระดับของสำรองนี้สะท้อนหลักเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงของสินเชื่อภายใต้มาตรการความช่วยเหลือที่เข้มงวดของธนาคาร และความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตสินเชื่อ นอกจากนี้ สินเชื่อขั้นที่ 3 ลดลงอยู่ที่จำนวน 42,144 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการก่อตัวของสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ปรับตัวดีขึ้นและความสามารถการชำระหนี้ของลูกค้ามีแนวโน้มที่ดี ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.73% ในไตรมาส 1/2565 ลดลงจาก 2.81% ในไตรมาส 4/2564

อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงตั้งสำรองในระดับที่สูงตามกรอบเป้าหมายของธนาคาร เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อให้ระดับสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และมาตรการความช่วยเหลือลูกหนี้ที่จะหมดลงในปีนี้

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี ในภาพรวมถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยในปี 2565 ธนาคารตั้งเป้าที่จะเติบโตสินเชื่อในอัตราที่มากกว่าปี 2564 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดี การเติบโตจะยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง เน้นเฉพาะสินเชื่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อบ้าน ซึ่งธนาคารมีความชำนาญและเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำตลาด

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เปิดตัวบริษัทลูก ทีทีบี คอนซูมเมอร์ ตามแผนการปรับโครงสร้างหลังการรวมกิจการ โดยทีทีบี คอนซูมเมอร์ จะเข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 5% ของสินเชื่อรวม ธนาคารจึงมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกจากฐานลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าหลังการรวมกิจการ
ทั้งนี้ การกลับมาเติบโตสินเชื่อทั้งในส่วนของธนาคาร และจากทีทีบี คอนซูมเมอร์ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของรายได้ดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อในช่วงถัดไป รวมถึงเป็นปัจจัยหนุนการรับรู้ Revenue Synergy หรือประโยชน์จากการรวมกิจการด้านรายได้จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ให้ลูกค้าในอนาคตด้วยเช่นกัน

ด้านคุณภาพสินทรัพย์นั้น จากการที่ธนาคารดำเนินการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ควบคู่กับการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อมาโดยตลอด ส่งผลให้คุณภาพพอร์ตเป็นไปตามเป้าหมายและมีสัดส่วนหนี้เสียอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ขณะที่สินเชื่อภายใต้โปรแกรมให้ความช่วยเหลือทยอยลดลงเป็นลำดับ โดยลูกค้าที่ออกจากโปรแกรมไปส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ตามปกติ ทั้งยังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมา อย่างไรก็ดี ธนาคารจะยังคงดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างเข้มงวดและตั้งสำรองในระดับสูงต่อไป เพื่อความรอบคอบและคงฐานะการเงินให้มีความแข็งแกร่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น