“น้ำตาลขอนแก่น” คาดปี 66 มีปริมาณอ้อยเข้าหีบพุ่งแตะ 8 ล้านตันอ้อย คิดเป็นปริมาณน้ำตาล 8 แสนตัน สูงขึ้นกว่าปีนี้ถึง 23% ขณะที่ราคาน้ำตาลยังสูงอยู่แตะ 20 เซ็นต์/ปอนด์ แย้มไตรมาส 2/65 คาดรายได้โตขึ้นต่อเนื่อง ชี้บาทอ่อนส่งผลดีต่อธุรกิจอ้อยและน้ำตาล
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) เปิดเผยว่า
บริษัทคาดการณ์ประเทศไทยจะปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูกาลผลิตปี 2565/66 อยู่ที่ 110-115 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้นจากปี 2564/65 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 92 ล้านตันอ้อย โดยบริษัทคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 2566 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8 ล้านตันอ้อย คิดเป็นการผลิตน้ำตาลอยู่ที่ 8 แสนกว่าตัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 6.56 ล้านตันอ้อย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 7.13% ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของปริมาณการหีบอ้อยทั่วประเทศ โดยปี 2565 บริษัทมีปริมาณการผลิตน้ำตาลอยู่ที่ 7 แสนตัน
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกในปีหน้าคาดว่ายังอยู่ในระดับสูง 19-20 เซ็นต์/ปอนด์ใกล้เคียงปัจจุบัน แม้ว่าปริมาณการส่งออกน้ำตาลของผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและไทยจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาพรวมน้ำตาลโลกอยู่ในภาวะเกินดุลก็ตาม ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อโรงงานน้ำตาลในการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ
จากแนวโน้มปริมาณการผลิตอ้อยที่เพิ่มมากขึ้นในปีหน้า บริษัทคาดว่าการเปิดหีบอ้อยใหม่จะต้องเร็วขึ้นกว่าเดิมที่ผ่านมา น่าจะเปิดหีบอ้อยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 เพื่อให้การหีบอ้อยแล้วเสร็จก่อนเดือนเมษายนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
นายชลัชกล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2565 สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2565 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ราว 10-20% ส่วนต้นทุนอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นบ้าง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงเล็กน้อยแต่ชดเชยจากราคาน้ำตาลที่อยู่ระดับสูง กล่าวได้ว่าผลการดำเนินงานบริษัทในช่วง 2 ปีนี้เป็นปีที่ดีของบริษัทฯ
สำหรับปัจจัยลบสำหรับอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลพบว่าปีนี้ปริมาณน้ำฝนมีเพียงพอในการเพาะปลูก แต่ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรอาจลดการใส่ปุ๋ยลงทำให้อ้อยขาดความสมบูรณ์ ดังนั้นบริษัทจะแนะนำเกษตรกรให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีราคาถูกแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งผลให้แนวโน้มบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้เต็มกำลังผลิตได้
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 3,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,713 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 332.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 308.56 ล้านบาท