บริษัทตั้งใหม่ มี.ค. 65 จำนวน 7,164 ราย ลด 19% เหตุฐานปีก่อนสูง แต่ยังถือว่าอยู่ในช่วงการฟื้นตัว เผยธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารกลับมาติดอันดับ 3 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังหลุดไปยาว เหตุได้รับอานิสงส์การขยายตัวของเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวฟื้น และเริ่มเปิดประเทศ ส่วนยอดเลิก 926 ราย เพิ่ม 17% ประเมินตั้งใหม่ครึ่งปี 65 มีจำนวน 4-4.2 หมื่นราย ทั้งปี 7-7.5 หมื่นราย ชี้สงคราม เงินเฟ้อ โควิด-19 ปัจจัยเสี่ยง
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมี.ค. 2565 ผ่านเฟซบุ๊ซ ไลฟ์ DBD Pubilc Relations ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 7,164 ราย เทียบกับก.พ. 2565 ลดลง 1% และเทียบกับ มี.ค. 2564 ลดลง 19% เนื่องจากเดือน มี.ค. 2564 เป็นเดือนที่มีจำนวนการจัดตั้งสูงที่สุดในรอบ 7 ปี จึงทำให้ฐานเดิมสูง แต่ก็ถือว่าการตั้งบริษัทใหม่ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 25,939.56 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 926 ราย เมื่อเทียบกับ ก.พ. 2565 เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับ มี.ค. 2564 เพิ่มขึ้น 17% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 12,380.99 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.2% การคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ และเริ่มมีการลงทุนในธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วง 3 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 22,347 ราย ลดลง 4% ทุนจดทะเบียน 74,397.53 ล้านบาท และยอดเลิกกิจการ มีจำนวน 2,594 ราย เพิ่มขึ้น 5% ทุนจดทะเบียน 40,472.15 ล้านบาท
นายจิตรกรกล่าวว่า แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในระยะต่อไป คาดว่าสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการและราคาสินค้าสูงขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อาจลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด จึงอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ได้ โดยกรมฯ ยังคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ประมาณที่ 40,000-42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000-75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565) จำนวน 828,706 ราย มูลค่าทุน 19.73 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 200,733 ราย คิดเป็น 24.22% บริษัทจำกัด จำนวน 626,635 ราย คิดเป็น 75.62% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,338 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ