บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่ม SINGER ขานรับมาตรการการรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้ของ ธปท. ชู “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ช่วยลดภาระหนี้ยุคเงินเฟ้อ เดินหน้า MOU ร่วมกับ 80 องค์กรชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เสริมสภาพคล่องทางการเงินกลุ่มพนักงานประจำ ท่ามกลางยุคเศรษฐกิจชะลอตัว สอดคล้องกับปัญหาสัดส่วนหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูง พร้อมคาดจะยังคงมีอัตราเพิ่มขึ้นในปีนี้ ถือเป็นอุปสรรคที่ท้าทายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจ และสังคมให้ไม่สะดุด ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” (Debt Consolidation) เปลี่ยนภาระผ่อนหนักเป็นเบา รวมหนี้จบในที่เดียว ครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจากทุกสถาบันการเงิน และนอนแบงก์วงเงินกู้สูงสุด 2,000,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ต่อปี ให้ผ่อนชำระแบบลดต้นลดดอกเบี้ยในเวลาเดียวกัน เลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 งวด ถึง 72 งวด โดยปี 2564 ที่ผ่านมา “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ปล่อยวงเงินกู้ไปแล้วกว่า 1.06 ร้อยล้านบาท ตั้งเป้าปี 2565 อนุมัติเพิ่มขึ้น 200% ในวงเงิน 240 ล้านบาท
น.ส.บุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” สินเชื่อเช่าซื้อเพื่อผลิตภัณฑ์ “ซิงเกอร์” และสินเชื่ออื่นๆ เผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าธุรกิจในหลายภาคส่วน ขณะเดียวกัน ด้านค่าครองชีพส่วนต่างๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงแตะเพดาน และคาดปีนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ในระดับปกติ สะท้อนรายได้แต่ละครัวเรือนในสังคมที่ยังคงไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ กระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน ดังนั้น การลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายครอบครัวต้องการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดมาตรการรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้ โดยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ เพื่อขานรับนโยบาย และมุ่งบรรเทาความเดือดร้อน ช่วยลดภาระหนี้สินผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิต และสังคม เอสจี แคปปิตอล ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” (Debt Consolidation) สินเชื่อสำหรับพนักงานประจำ ช่วยบริหารจัดการรวมหนี้จากส่วนต่างๆ มาจบในที่เดียว ครอบคลุมทั้งหนี้จากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจากทุกสถาบันการเงิน รวมทั้งนอนแบงก์ (Non-Bank) หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” โดยเอสจี แคปปิตอล ล่าสุดได้ร่วมลงนามเซ็นสัญญา MOU กับองค์กร กว่า 80 องค์กร ใน 4 กลุ่มบริษัท ครอบคลุมทั้งในรูปแบบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทจำกัดที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ณ ปัจจุบันที่มีรายชื่อใน SET 100 กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) หรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือบริษัทจำกัดที่มีชื่อเสียงและมั่นคง รวมทั้งกลุ่มบริษัทจำกัดที่ไม่เข้าเงื่อนไข เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กลุ่มพนักงานประจำในองค์กรคู่ค้าที่มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท มุ่งตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเคลียร์ภาระหนี้สินให้จบเร็วขึ้น ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 15% ต่อปี โดยการผ่อนชำระเป็นแบบลดต้นลดดอกเบี้ยในเวลาเดียวกัน พร้อมสามารถเลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 งวด ถึง 72 งวด
อย่างไรก็ดี “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ได้ปล่อยวงเงินกู้ไปแล้วกว่า 106 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท สูงสุดถึง 2,000,000 บาทต่อราย นับเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา และความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินในครัวเรือนจำนวนมาก ที่เป็นผลกระทบจากปัจจัยทั้งด้านที่อยู่อาศัย อัตราค่าเดินทาง เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในปี 2565 นี้ เอสจี แคปปิตอล จึงตั้งเป้าเพิ่มวงเงินอนุมัติขึ้นจากปีที่ผ่านมา 200% เพื่อครอบคลุมและเข้าถึงความต้องการทุกครัวเรือนในกลุ่มพนักงานประจำในองค์กรคู่ค้าที่ร่วมลงนามใน MOU กว่า 80 องค์กร ทั้งนี้ ได้เตรียมวงเงินเพื่ออนุมัติกว่า 240 ล้านบาท พร้อมคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มคนทำงานและครอบครัวให้สามารถปลดหนี้และสร้างฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนสังคมสู่ความมั่นคงทั้งในปัจจุบันและอนาคต