อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อวยพรปีใหม่คนไทย วอนนายกฯแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาใหญ่ในการทำลายครอบครัว หลังหนี้ครัวเรือนประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย
วันนี้ (15 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช เกี่ยวกับการที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนโดนหลอกลวง ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสาวโดนลวงสูญกว่า ล้านบาท
วันนี้ เป็นวันที่ 14 เมษายน 2565 ถือว่าเป็นวันครอบครัว ผมเองก็ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ให้กับ FC ทุกคน แต่สิ่งที่ผมได้รับปัญหาจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งมาให้ผมส่งต่อให้ถึงรัฐมนตรี และ นายกรัฐมนตรี คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองลงมาจากประเทศเกาหลีใต้ เท่านั้น เพราะปัญหาจากแชร์ลูกโซ่ และ แก๊ง callcenter ที่ระบาดหนักมาก ขนาดรัฐบาลแต่งเพลงรณรงค์ ก็แล้ว แต่ก็ยังมีเหยื่อถูกหลอกทุกวัน จนล่าสุดผู้เสียหายโดนหลอกลวงไปเป็นเงิน 1 ล้านบาท หมดเนื้อหมดตัวกันเลยในพริบตาเดียว นั้นคือ ปัญหาที่ทำไมหนี้ครัวเรือนสูง
หนี้ครัวเรือน ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย ยอด “14.5 ล้านล้านบาท” คือ มูลค่าของหนี้ครัวเรือนไทยที่มีในปัจจุบัน
ซึ่งตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการหลอกลวงการฉ้อโกงประชาชนมีทุกวัน การติดตามคืนทรัพย์สินก็ยาก บางคดียาวนานเป็นสิบๆ ปี ผู้เสียหายนับรวมหลายล้านคน
ดังคำว่าหนี้ครัวเรือน ถ้าตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทย หมายถึง เงินให้กู้ยืมที่สถาบันการเงินให้แก่บุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ ซึ่งบุคคลธรรมดาอาจนำเงินที่กู้ยืมไปใช้เพื่อการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ หรือเพื่อประกอบธุรกิจ
โดยข้อมูลหนี้ครัวเรือนจะครอบคลุมเฉพาะเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเก็บข้อมูลได้ ไม่รวมหนี้นอกระบบ จะเห็นได้ว่า ผู้เสียหาย หรือ เหยื่อที่โดนหลอกลวง กู้ยืมเงินมาลงทุนเพราะหวังว่าจะรวยขึ้นบางรายก็กู้มาเพื่อเอาชีวิตรอด
ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่า “การเป็นหนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องผิด” และทุกคนสามารถเป็นหนี้กันได้ ตราบใดที่เรายังมีรายได้มากขึ้น และมีความสามารถในการชำระคืนในอนาคต แต่พอโดนหลอกลวงฉ้อโกงไป มันเลยเป็นหนี้สินทั้งน้ำตา
โดยในทางเศรษฐศาสตร์นั้น นิยมใช้ข้อมูลหนี้ครัวเรือน มาเทียบกับ GDP ของประเทศ
เพื่อดูภาพรวมว่าหนี้ของคนในประเทศ มีสัดส่วนมากหรือน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของประเทศ
ทีนี้เรามาดูสัดส่วนหนี้ครัวเรือนของไทยต่อ GDP ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- สิ้นปี 2560 หนี้ครัวเรือนของไทย 12.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78.1% ของ GDP
- สิ้นปี 2562 หนี้ครัวเรือนของไทย 13.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 79.8% ของ GDP
- ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 หนี้ครัวเรือนของไทย 14.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 89.3% ของ GDP
จากสถิติตัวเลขนี้ ทำให้เห็นชัดเจนว่าหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP นั้น กำลังมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หรือแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มออกมาเตือนว่า ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ในระดับที่น่ากังวล ไม่ว่าจะเทียบกับในอดีต หรือเทียบกับประเทศอื่นๆ ตราบใดการปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนยังทำได้แต่เพียงตั้งรับ กระบวนการยุติธรรมช้าแบบเต่าคลาน คืนทรัพย์สินต้องรอนานเป็นสิบๆ ปี จึงไม่แปลกที่จะทำให้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ด้วยปัจจุบันระดับหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP มีสัดส่วนหนี้สูงเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศทั่วโลก และสูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย รองจากเกาหลีใต้
สาเหตุที่ทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงไปไม่สามารถได้เงินคืนในทันที จึงต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือ ส่วนใหญ่กู้หนี้สินมาลงทุนหวังจะได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้างสุดท้ายถูกหลอกลวง และ มิจฉาชีพก็โอนเงินออกนอกประเทศไป หนี้สินของผู้เสียหายไม่ว่าจะบัตรเครดิต รถ บ้าน ที่ดิน ล้วนถูกกู้มาลงทุนในแชร์ลูกโซ่ทั้งสิ้น ผมขออนุญาตหยิบยก ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นพบว่า หนี้ของครัวเรือน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 เกิดจาก
- หนี้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ 5.0 ล้านล้านบาท
- หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลอื่น 2.9 ล้านล้านบาท
- หนี้เพื่อประกอบอาชีพ 2.6 ล้านล้านบาท
- หนี้ซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 1.8 ล้านล้านบาท
- หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 1.2 ล้านล้านบาท
- หนี้เพื่อการศึกษา 0.3 ล้านล้านบาท
- อื่นๆ 0.7 ล้านล้านบาท
ซึ่งเราจะเห็นว่า หนี้ที่ครัวเรือนมีนั้นประมาณ 75% เป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล
ไม่ว่าจะเป็นหนี้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค หนี้ซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ซึ่งดังที่กล่าวข้างต้นว่า การฉ้อโกงประชาชนแบบแชร์ลูกโซ่ ทำให้วงผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมาก แต่กระบวนการยุติธรรมก็ช้า จนลามมาถึงปัญหาแกงค์ callcenter ที่ปัจจุบันผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด จนมีผู้สื่อข่าว ตกเป็นเหยื่อหมดเงินไปกว่าล้านบาท บัดนี้ก็ยังจับคนร้าย และ ตามเงินคืนมาไม่ได้
ผมจึงถือโอกาสนี้ ขอนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มาบอกท่านนายกฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะหนี้สิน นั้นสร้างความร้าวฉานในครอบครัว ทำให้หลายครอบครัวล่มสลายมามากมาย การคืนเงินให้ผู้เสียหาย เป็นสิ่งที่ต้องเร่งทำ การปราบปรามก็ต้องทำด้วย เพราะเงินที่เค้ากู้มาก็เพื่อหวังจะลงทุน แต่สุดท้ายถูกหลอกลวง หรือ ถูกพวก callcenter ที่มาฉ้อฉลเอาเงินไป ล้วนเป็นเงินที่เอาหวังเลี้ยงคนในครอบครัวทั้งสิ้น
ดังนั้น ขอให้ท่านนายกฯขีดเส้น คาดโทษ หน่วยงานที่ปล่อยปละละเลย ทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเดือดร้อนด้วย
ผมจึงหวังว่า หนี้ครัวเรือน จะลดลงได้ ถ้าปัญหาการฉ้อโกงประชาชนมานั้นหมดไป อย่าลืม ทุกวันนี้การปล้นธนาคาร ปล้นร้านทอง จับได้ภายใน 3 วัน คืนทรัพย์สินทันที แต่อาชญากรรมประเภทแชร์ลูกโซ่ callcenter จับก็ยาก จับได้ก็ให้ประกัน กลับมาหลอกลวงประชาชนซ้ำซ้อน ทรัพย์สินกว่าจะคืนต้องรอนานนับสิบๆ ปี ถ้ายังเดินกันแบบนี้ คงเห็นหนี้สินครัวเรือนประเทศไทย แซงหน้าประเทศเกาหลีใต้แน่นอน
พ่อแม่พี่น้องประชาชนนับล้านคนฝากผมมาว่าอยากให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯครบ 8 ปี เหมือน ฯพณฯ พลเอก เปรม ที่อยู่ 8ปีเต็ม ต่อมาได้เป็นรัฐบุรุษ เพราะท่านปราบปรามแชร์ลูกโซ่ อย่างจริงจัง ออกกฎหมายมาจับแชร์แม่ชะม้อย เพราะป้องกันปัญหาเศรษฐกิจ ประเทศจะพังพินาศ พ่อแม่พี่น้องประชาชน จึงอยากให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เอาแบบอย่างป๋าเปรม
ผมมั่นใจว่า ถ้านายกฯ พลเอก ประยุทธ์ ทำเรื่องนี้ อยู่ยาว 8 ปีแน่นอน