วิทยุการบินฯ สรุปปริมาณเที่ยวบินช่วงสงกรานต์ 11-17 เม.ย. 65 ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 15% โดยระหว่างประเทศเพิ่มจากการผ่อนคลายมาตรการ ในประเทศยังทรงตัว ภาพยังต่ำกว่าปี 62 ก่อนมีโควิดถึง 55% บริหารจัดการเที่ยวบินปลอดภัย คล่องตัว
นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า วิทยุการบินฯ ได้สรุปปริมาณเที่ยวบินทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (วันที่ 11-17 เมษายน 2565) มีเที่ยวบินรวม 8,532 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 1,220 เที่ยวบินต่อวัน โดยเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่เป็นช่วงก่อนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึง 55% โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจากมาตรการของรัฐที่ผ่อนคลาย คือยกเลิกการตรวจ RT-PCR และลดจำนวนวันกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศยังทรงตัวจากเดือนมีนาคม 2565 แต่น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สำหรับเที่ยวบินผ่านน่านฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัว แตกต่างกับในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
นอกจากนี้ ยังได้สรุปปริมาณเที่ยวบินทั้งภายในและระหว่างประเทศที่เข้า-ออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (วันที่ 11-17 เมษายน 2565) โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินเข้า-ออกเฉลี่ยประมาณวันละ 510 เที่ยวบิน ในขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองมีเที่ยวบินเข้า-ออก เฉลี่ยวันละ 345 เที่ยวบิน ซึ่งตัวเลขรวมของปริมาณเที่ยวบินที่เข้า-ออก 2 ท่าอากาศยานหลัก ที่วิทยุการบินฯ บริหารจัดการจราจรทางอากาศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เฉลี่ยประมาณ 855 เที่ยวบินต่อวัน
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินในช่วงดังกล่าวมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปกติ แต่เนื่องจากในปีนี้ยังมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันค่อนข้างสูง แต่ด้วยระดับความรุนแรงของอาการที่น้อยกว่าสายพันธุ์อื่น อีกทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ รวมถึงมาตรการควบคุมป้องกันโรคของหน่วยงานภาครัฐ ส่งผลให้ยังสามารถเดินทางต่างพื้นที่ได้ จึงทำให้ปริมาณเที่ยวบินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ วิทยุการบินฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการเที่ยวบิน ซึ่งการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศในภาพรวมเป็นไปตามปกติ โดยได้จัดอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้มีความพร้อมและเพียงพอต่อการให้บริการในช่วงเวลาดังกล่าว และสามารถบริหารจัดการระยะห่างในการขึ้น -ลงของอากาศยานได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับสภาพการจราจรทางอากาศและสภาพอากาศเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกหน่วยงานด้านการบินที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กองทัพอากาศ รวมถึงสายการบินต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อให้การบริหารจราจรทางอากาศเป็นไปอย่างปลอดภัย คล่องตัว และไม่เกิดผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการ