PTTGC ลั่นรายได้ปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 4.65 แสนล้านบาท เหตุรับรู้รายได้จาก Allnex พร้อมกางแผนใช้เงิน 5 ปีนี้ราว 231,168 ล้านบาทเพื่อคืนหนี้และการลงทุน โดยผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนขยายออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 3 พันล้านเหรียญในช่วง 5 ปีนี้
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจมีผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 465,128 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอื่นๆ ทำให้กำลังการผลิตลดลงเล็กน้อย แต่เมื่อรับรู้กิจการ Allnex Holding GmbH (Allnex) ที่บริษัทซื้อกิจการมาเมื่อปี 2564 ทำให้มีกำลังการผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน ขณะเดียวกันยังช่วยสนับสนุนอัตรากำไรของบริษัทให้คงที่มากขึ้น เนื่องจาก Allnex มีกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คงที่ระดับ 17-18%
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามรัสเซียและยูเครนนั้น ระยะสั้นบริษัทคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากทำตลาดในยุโรปไม่มาก สิ่งสำคัญคือ ต้องมีสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการทำธุรกิจ รวมทั้งบริษัทได้มีการบริหารความเสี่ยงไว้แล้วทั้งราคาและอัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นการเดินหน้าธุรกิจในอนาคตด้วย 3 กลยุทธ์ คือ Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สานต่อสร้างเสริม PTTGC ให้เข้มแข็ง, Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Allnex เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ และ Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่รัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ ขณะนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรร่วมทุน โดยมีความต้องการอย่างน้อย 2 รายเพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน หลังจากบริษัท Daelim Industrial Co., Ltd. (แดลิม) ประเทศเกาหลีใต้ที่ได้ถอนตัวไป
นายคงกระพันกล่าวว่า บริษัทมีแผนการใช้เงินในช่วง 5 ปีนี้ (2565-69) ประมาณ 231,168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7,201 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น 1. การชำระคืนเงินกู้ระยะยาวรวมประมาณ 122,238 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,808 ล้านเหรียญสหรัฐแบ่งเป็น ปี 2565 จำนวน 38,455 ล้านบาท, ปี 2566 จำนวน 31,786 ล้านบาท, ปี 2567 จำนวน 20,287 ล้านบาท, ปี 2568 จำนวน 18,375 ล้านบาท และปี 2569 จำนวน 13,335 ล้านบาท
2. แผนการลงทุน (CAPEX) ที่ได้รับอนุมัติแล้วและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง 108,930 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,393 ล้านเหรียญสหรัฐ
ดังนั้นบริษัทจึงได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 ในวันที่ 4 เมษายน 2565 ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอีก 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อนำมาใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม, สนับสนุนการลงทุน และใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของบริษัท หลังจากในปี 2563 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาท และสกุลเงินตราต่างประเทศ ในวงเงินรวมที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน ณ ขณะใดขณะหนึ่ง (Revolving Principal) เทียบเท่าไม่เกิน 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ภายใต้วงเงินข้างต้นไปแล้ว 3,458 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีวงเงินคงเหลือ 542 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ ได้อนุมัติการออกหุ้นกู้เพิ่เมเติม 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับ Allnex ถือเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins allnex ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันการพัฒนาแอปพลิเคชันการเคลือบต่างๆ โดย Allnex มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านยูโร หรือ 74,167.2 ล้านบาท และมี EBITDA ยังมีเครือข่ายโรงงานการผลิตที่ทันสมัย 33 แห่งใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีอีก 23 แห่ง
