ผู้จัดการรายวัน 360 - เซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้า Retail-Led Mixed-Use Development ปั้นรีเทลโตต่อเนื่อง ตามแผน 5 ปี ทุ่มงบมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูไฮไลต์โปรเจกต์ พลิกโฉมย่านใหม่ที่ ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ ราชพฤกษ์ พร้อมปั้นเมืองเศรษฐกิจที่ ‘เซ็นทรัล จันทบุรี’
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่ทุกคน ด้วยบทบาทการเป็น Place Maker ผู้พัฒนาพื้นที่แห่งอนาคตที่ใส่ใจยกระดับคุณภาพชีวิตไปพร้อมกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตลอด 40 ปีที่ผ่านมาได้เป็นผู้บุกเบิก Retail Landscape สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและพัฒนาพื้นที่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ พร้อมประสบความสำเร็จในการเป็น Centerof Life มาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ต่อยอดสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า, โครงการที่อยู่อาศัย, โรงแรมและออฟฟิศให้เป็นพื้นที่และศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนในแต่ละส่วนได้อย่างแท้จริง
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนขยายโปรเจกต์ใหม่และยกระดับโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว โดยภายใน 2 ปีนี้วางงบประมาณไว้มากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูกลยุทธ์ Imagining the future of retail ซึ่งผสานจุดแข็งของเราใน 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการขยายโครงการ, 2) Customer-Centric สร้างคอมมูนิตีตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้า, และ 3) Partner Champions การเป็น Business Partner ให้คู่ค้าเติบโตไปด้วยกัน”
ล่าสุดเซ็นทรัลพัฒนาเตรียมสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์กับโปรเจกต์ใหม่ “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (Central WestVille) มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท เจาะทำเลราชพฤกษ์เชื่อมตรงสู่ Bangkok CBD บนที่ดิน 40 ไร่ พื้นที่ GFA 93,000 ตร.ม. เตรียมเปิด Q4/2566 ปักหมุดย่านใหม่ด้วยการ Reinventing the Neighborhood ซึ่งจะเป็นการยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ให้เป็นย่าน Upper-Class Lifestyle ชูจุดเด่น เช่น
• The Evolution of Semi-Outdoor Retail Model จากเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ผสมผสานพื้นที่สีเขียวเป็น Green Park ของเมือง ด้วยแนวคิด Inside-Out ที่นำธรรมชาติจากด้านในสู่ด้านนอก ด้วยการออกแบบดีไซน์ Façade แนวใหม่ที่เปิดรับลมและแสงธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศน้ำตก รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรมเอาต์ดอร์สำหรับครอบครัวและ Pet Friendly Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็น Eco-Friendly Mall
• ตอบรับ Emerging Lifestyle ด้วย Urban & Outdoor Activities ที่ทำได้ตลอดทั้งวันแบบ Day-to-Night เช่น พื้นที่ให้ Jogging กับสัตว์เลี้ยง, Urban Farming, Organic Weekend Market, พื้นที่สำหรับครอบครัว, ชมงานอาร์ต, ไปจนถึงชิลเอาต์ในร้านคาเฟ่และร้านอาหารชิกๆ
• Affluent & Quality Lifestyles เจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่อาศัยในโครงการระดับ High-End และโครงการต่างๆ ในย่านกว่า 115,000 ยูนิต ซึ่งมีหมู่บ้านระดับ 10-100 ล้านจำนวนมาก, จำนวนประชากร 415,000 คน ที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงย่าน CBD และกำลังซื้อสูงเทียบเท่าย่านอีสต์วิลล์ ด้วยการ Synergy ผนึกกำลังธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เช่น Central Department Storeคอนเซ็ปต์ใหม่, Central Foodhall และ B2S ThinkSpace ร่วมโครงการด้วย
นอกจากนั้นเตรียมเปิด “เซ็นทรัล จันทบุรี” โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ในวันที่ 26 พ.ค. 65 นี้ รองรับความเจริญต่อเนื่องจากเขตเศรษฐกิจ EEC ในอนาคต ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง เจาะกลุ่มเป้าหมายไลฟ์สไตล์ดีมีกำลังซื้อ ครอบคลุมประชากร 1.8 ล้านคนในจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง สร้างพื้นที่การใช้ชีวิต New Urban Lifestyle Destination ของเมือง
ในด้านความสำเร็จของการขยายและปรับโฉมโครงการต่างๆ นายเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของบริษัทฯ เผยว่า “ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการเปิดโครงการ ‘เซ็นทรัล ศรีราชา’ ที่เป็นต้นแบบ Eco-Friendly Mall ในภาคตะวันออก และพื้นที่รีเทลแบบ seamless space และ ‘เซ็นทรัล อยุธยา’ ที่เป็นสปอตไลต์ระดับโลก เติมเต็มการท่องเที่ยวอยุธยา โดยทั้งสองโครงการใหม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีทราฟฟิกในช่วงเปิดตัวถึง 50,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์พื้นที่และประสบการณ์ใหม่ๆ ในโครงการที่มีอยู่แล้ว อาทิ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ตอกย้ำความเป็นแลนด์มาร์กระดับโลกรองรับปรากฏการณ์ Global Phenomenon ต่างๆ
พร้อมเตรียมเปิดโซนใหม่ คือ ‘Zone I’ (โซน ไอ) รองรับร้านค้า lifestyle brand ทั้ง local & international อีกมากมาย และ ‘โซนฮักไทย’ ชูจุดขายการตกแต่งในวิถีไทยร่วมสมัย สินค้าและอาหารไทยขึ้นชื่อ เพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าชาวไทย ชาวต่างชาติในไทย และพร้อมรับกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่เพื่อชุมชนอย่าง ตลาดจริงใจที่จำหน่ายสินค้าจากเกษตรกรและชุมชนต่างๆ ทั่วไทย ด้าน ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชัวรีเอาต์เลตแห่งแรกของไทย เปิดตัวเฟสสองมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 15% (ตัวเลขเฉลี่ยในเดือนมกราคมเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า) และ ‘เซ็นทรัล พระราม 2’ พลิกโฉมเป็น The Regional Mall of South Bangkokเ จาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ Wealth Segment และมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนรีโนเวต”
นอกจากนี้ยังมีโครงการพลิกโฉมศูนย์การค้าต่างๆ อีกกว่า 10 โครงการ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล พระราม 2, รามอินทรา, พัทยาบีช, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และขอนแก่น เป็นต้น
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของบริษัทฯ กล่าวว่า “สำหรับจุดแข็งที่สำคัญในกลยุทธ์ที่ 2 : Customer-Centric ที่ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Center of Life ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ เป็น Experience Curator คัดสรรอีเวนต์กว่า 1,000 งานต่อปี และการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในศูนย์การค้า ได้แก่
• จับ Emerging Lifestyles ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Food, Fashion, Sport จับเทรนด์สร้างคอมมูนิตี Surf skate, Pet Friendly ที่แรกและประสบความสำเร็จมากที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ รวมไปถึง Co-Working Space ตอบโจทย์ Workplace ยุคใหม่ เป็นต้น
• การทำ Co-Campaign ร่วมกับพาร์ตเนอร์ระดับโลก เช่น Tinder, Huawei และการใช้ New Disruptive Platform ใช้เทคโนโลยี VR ดึงลูกค้าให้มี Experience บนพื้นที่โลกเสมือนแบบ Cross-Region
• สร้าง Tourism Multiplier ด้วย Localized Events ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ เช่น เซ็นทรัล พิษณุโลก จัดงาน ‘Phitsanulok Mango Fest 2022’, เซ็นทรัล อยุธยา จับมือกับ ททท. พาเที่ยวเมืองเก่ากับรถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนพิเศษ และ เซ็นทรัล เวสต์เกต จัดงาน Flower on the beach ประติมากรรมคลื่นดอกไม้ยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก
• ผู้นำองค์กรยั่งยืน ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้ง Recycle Station ที่เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, ติดตั้ง Solar Rooftop และ EV Charger ใช้ Innovation ดูแลด้านความสะอาดปลอดภัย และการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากธรรมชาติในศูนย์การค้า เป็นต้น
นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายของบริษัทฯ เปิดเผยถึงจุดแข็งข้อสุดท้าย “กลยุทธ์ที่ 3 : Partner Champions เราตั้งใจที่จะเป็น Business Partner ที่สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า ช่วยเหลืออย่างครบวงจรแบบ End-to-End Solutions ได้แก่ การช่วยเหลือการเติบโตและขยายสาขาด้วยโมเดล Co-investment, Funding, และ Franchise การช่วยเหลือด้าน Business Operation ต่างๆ, การใช้ Big Data จาก The 1 และ The 1 Biz,แง และ Retail Omnichannel เพื่อส่งเสริมและผลักดันธุรกิจของคู่ค้า, รวมไปถึงการจัดการ Transaction และบริการต่างๆ
นอกจากนี้ เรายังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนา ที่พร้อมช่วยเหลือคู่ค้าให้ Scale up business ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้ามาอยู่ใน ecosystem ที่แข็งแกร่งของ Central Group, การที่ศูนย์การค้ามีการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Excellent Services & Facilities ในส่วนกลางที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกให้